คุณภาพชีวิตการทำงานและวัฒนธรรมโรงเรียน ที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อโรงเรียนของครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนคาทอลิก สังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับคุณภาพชีวิตการทำงาน ระดับวัฒนธรรมโรงเรียน และระดับความผูกพันต่อโรงเรียนของครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนคาทอลิกสังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตการทำงานกับความผูกพันต่อโรงเรียนของครูและบุคลากรทางการศึกษา และความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมโรงเรียนกับความผูกพันต่อโรงเรียนของครูและบุคลากรโรงเรียนคาทอลิกสังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี 3) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อโรงเรียนของครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนคาทอลิกสังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิกสังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี ปีการศึกษา 2560 จำนวน 309 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 113 ข้อ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) 0.66-1.00 มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ 0.21 - 0.81 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (x̅) ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (rxy) และการ วิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตการทำงาน ความคิดเห็นเกี่ยวกับวัฒนธรรมโรงเรียน และความคิดเห็นเกี่ยวกับความผูกพันต่อโรงเรียนของครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนคาทอลิกสังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน 2) ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตการทำงานกับความผูกพันต่อโรงเรียนของครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนคาทอลิกสังกัดสังฆมณฑลจันทบุรีมีความสัมพันธ์กันทางบวก ในระดับค่อนข้างสูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมโรงเรียนกับความผูกพันต่อโรงเรียนของครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนคาทอลิกสังกัดสังฆมณฑลจันทบุรีมีความสัมพันธ์กันทางบวก ในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) สมการพยากรณ์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อโรงเรียนของครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนคาทอลิกสังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี เรียงตามลำดับความสำคัญ ประกอบด้วย ด้านความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ (XS4) ความเอื้ออาทร (XS8) ความซื่อสัตย์สุจริต (XS9) และความมั่นคงใน การทำงานและความก้าวหน้าในวิชาชีพ (XQ3) โดยมีค่าสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธ์พหุคูณเท่ากับ 0.84 สามารถร่วมกันพยากรณ์ความผูกพัน ต่อโรงเรียนของครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนคาทอลิกสังกัดสังฆมณฑลจันทบุรี ได้ร้อยละ 71 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสามารถสร้างสมการในการพยากรณ์ หรือสมการถดถอยได้ดังนี้ สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ Ŷ= 0.37+0.35XS4+0.22XS8+ 0.24XS9+0.10XQ3 และสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน Ζ= 0.36XS4+0.25XS8+0.24XS9+0.12XQ3
Article Details
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของวิทยาลัยแสงธรรม ห้ามนำข้อความทั้งหมดไปตีพิมพ์ซ้ำ ยกเว้นได้รับอนุญาตจากวิทยาลัยแสงธรรม
- เนื้อหาและข้อคิดเห็นใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน. (2553). “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพของข้าราชการสายงานนักวิชาการพัฒนาฝีมือกระทรวงศึกษาธิการ” ใน พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2). หน้า 7-8. กรุงเทพฯ: กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน.
จอมพงศ์ มงคลวนิช. (2556). การบริหารองค์การและบุคลากรทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชุติมา เผ่าพหล. (2553). คุณภาพชีวิตการทำงานและระดับความผูกพันต่อองค์การของพนักงานธนาคารกรุงเทพ จำกัด มหาชน. การศึกษาค้นคว้าอิสระ บธ.ม. (บริหารธุรกิจ). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ณัฎฐพันธ์ เขจรนันทน์. (2551). พฤติกรรมองค์การ (Organizational Behaviors). กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
นิติพล ภูตะโชติ. (2559). พฤติกรรมองค์การ (Organizational Behavior). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประเวศน์ มหารัตน์สกุล. (2558). การจัดการทรัพยากรมนุษย์: แนวทางใหม่ (Human Resource Management: A New Approach). กรุงเทพฯ: ปัญญาชน.
ปรีชา วงษาบุตร. (2553). คุณภาพชีวิตการทำงานกับความผูกพันต่อองค์การของพนักงาน บริษัท คาร์เปท อินเตอร์แนชั่นแนล ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน). การศึกษาค้นคว้าอิสระ บธ.ม. (บริหารธุรกิจ). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ปวีณา กรุงพลี. (2552). ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตการทำงานกับความผูกพันต่อองค์กรของเจ้าหน้าที่สำนักกษาปณ์. วิทยานิพนธ์ บธ.ม. (บริหารธุรกิจ). ปทุมธานี: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์.
พนิดา คำกิ่ง. (2558). ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้วัฒนธรรมองค์การกับความผูกพันต่อองค์การของพนักงานโรงพยาบาลการุณเวช จังหวัดปทุมธานีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. การศึกษาค้นคว้าอิสระ บธ.ม. (การบริหารธุรกิจ). ปทุมธานี: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์.
พิบูล ทีปะปาล (2551). การจัดการเชิงกลยุทธิ์ (Strategic Management). กรุงเทพฯ: อมรการพิมพ์.
มนชญา ดุลยากร. (2553). การศึกษาวัฒนธรรมโรงเรียนที่มีอิทธิผลต่อความผูกพันของครูต่างชาติในโรงเรียนนานาชาติ. วิทยานิพนธ์ ศศ.ม. (ภาษาและวัฒนธรรมเพื่อการสื่อสารและการพัฒนา). นครปฐม: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
รุ่งโรจน์ อรรถานิทธิ์. (2554). การสร้างความผูกพันของพนักงานในองค์กร (Employee Engagement). กรุงเทพฯ: บ้านหนังสือโกสินทร์.
ลัดดา ดวงรัตน์. (2552). ผลกระทบของวัฒนธรรมองค์กรและคุณภาพชีวิตในการทำงานที่มีผลต่อความผูกพันในองค์กรของผู้สอบบัญชีสหกรณ์ในสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์. วิทยานิพนธ์ บช.ม. (การบัญชี). มหาสารคาม: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย. (2556). อัตลักษณ์การศึกษาคาทอลิก (ฉบับปรับปรุง ค.ศ.2013). กรุงเทพฯ: สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย.
สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย. (2557). ก้าวไปข้างหน้าด้วยอัตลักษณ์การศึกษาคาทอลิก ปี ค.ศ.2012-2015. กรุงเทพฯ: สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2552). เมล็ดพันธุ์แห่งความสุขแผนกงานสุขภาวะองค์กรภาคเอกชน. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. (2550). การเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและการทำงานกระแสใหม่ของการบริหารทรัพยากรบุคคล. กรุงเทพฯ: แอร์บอร์นพรินต์.
สิทธิชัย นันทนาวิจิตร. (พฤษภาคม–มิถุนายน 2551). “การสร้างวัฒนธรรมองค์การสู่ความเป็นเลิศ,” วารสาร Productivity World เพื่อการเพิ่มผลผลิต. 13(74), 20.
สุดารัตน์ ครุฑสึก. (2557). ปัจจัยคุณภาพชีวิตในการทำงานของพนักงานความผูกพันต่อองค์กรและการสื่อสารในองค์กรส่งผลต่อการเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรของพนักงานเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร. การศึกษาค้นคว้าอิสระ บธ.ม.(บริหารธุรกิจ). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
สุพจน์ นาคสวัสดิ์. (2559). การสำรวจความผูกพันในการทำงานของพนักงาน (Employee Engagement Survey). กรุงเทพฯ: เอช อาร์ เซ็นเตอร์.
Alderfer, C.P. (1972). Existence, Relatedness, and Growth; Human Needs in Organizational Settings. New York: Free Press.
Allen, N.J. and Meyer, J.P. (1990). “The Measurement and Antecedents of Affective Continuance and Normative Commitment of the Organizations,” Journal of Occupational Psychology, 63, 1-18.
Beare, H. and et al. (1989). Creating an Excellent School: Some New Management Techniques. London: Rutledge.
Buchanan, B. (December 1974). “Building Organizational Commitment: The Socialization of Managers in Work Organization,” Administrative Science Quarterly, 19(4), 533-546.
George, J.M. and Jones, G.R. (2004). Understanding and Managing Organizational Behavior. Tanas: Addison-Wesley.
Hanson, E.M. (1991). Educational Administration and Organizational Behavior. Boston, MA: Allyn and Bacon.
Lussier, R.N. (2001). Leadership : Theory, Application and Skill Development. Ohio: South-Western College.
Luthans, F. (1995). Organization Behavior. 7th ed. New York: McGraw-Hill.
Maslow, A.H. (1970). Motivation and Personality. New York: Haper and Brother.
Porter, L.W. and et al. (December 1974). “Organizational Commitment Job Satisfaction and Turnover among Psychiatric Technicians,” Journal of Applied Psychology, 59(5), 603-609.
Rutebuka, A.K. (2000). “Job satisfaction among Teacher in Seventy – day Adventist School and its Relationship to Commitment and Selected Work Conditions,” Journal of Research on Christian Education, 9, 257-289.
Sergiovanni, T.J. and Strarratt, R.J. (1988). Supervision Human Perspectives. 4th ed. New York: McGraw-hill.
Steers, R.M. (1977). Organizational Effectiveness : A Behavioral View. California: Goodyear.
Wiles, K. (1953). Supervision for Better School: The Role of the Official Leader in Program Development. 6th ed. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.
Yamane, T. (1973). Statistic: An Introductory Analysis. 3rd ed. New York: Harper and Row.