ความต้องการพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักเรียน โรงเรียนคาทอลิกในจังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการในการพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนคาทอลิกในจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อเปรียบเทียบระดับความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนคาทอลิกในจังหวัดนครสวรรค์ จำแนกตามระดับชั้นที่เรียน กลุ่มสาระรายวิชาที่เรียน และ ระยะเวลาในการใช้ Smart Phone และเพื่อศึกษากิจกรรมที่ต้องการใช้เพื่อพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนคาทอลิกในจังหวัดนครสวรรค์ การวิจัยนี้เป็น การวิจัยเชิงปริมาณ ทำการศึกษากับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1- ปีที่ 6 จำนวน 418 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ Mean, S.D., t-Test และ one-way ANOVA ผลการศึกษาพบว่า 1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มีสัดส่วนการใช้ Smart Phoneต่อวัน คือ แทบไม่ได้ใช้: น้อยกว่า 1 ชม. : จำนวน 1-2 ชม.: มากกว่า 2 ชม. คิดเป็น 0.6: 1.0: 8.3: 13.2 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีสัดส่วนการใช้ Smart Phoneต่อวัน คือ แทบไม่ได้ใช้: น้อยกว่า 1 ชม. : จำนวน 1-2 ชม.: มากกว่า 2 ชม. คิดเป็น 0.5: 1.4: 5.8: 11.0 2) ความต้องการพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักเรียนทั้งในภาพรวมและในรายด้านทุกด้าน นักเรียนมีความต้องการพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลอยู่ในระดับสูง 3) การเปรียบเทียบความต้องการพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักเรียนจำแนกตามระดับชั้นที่เรียน พบว่า ความต้องการพัฒนาทั้งในภาพรวม และในรายด้าน ของ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น กับ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่แตกต่างกัน 4) การเปรียบเทียบ ความต้องการพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักเรียนจำแนกตามกลุ่มสาระรายวิชา ทั้งในภาพรวมและในรายด้านทุกด้าน พบว่า นักเรียนที่ศึกษาในกลุ่มสาระรายวิชาที่แตกต่างกัน มีความต้องการพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลไม่แตกต่างกัน 5) การเปรียบเทียบ ความต้องการพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักเรียนจำแนกตามระยะเวลาการใช้ Smart Phone ในภาพรวมและในรายด้าน รวม 5 ด้าน คือ Digital Citizen Identity, Screen Time Management, Cyber Bullying Management, Cybersecurity Management, Digital footprint นักเรียนที่มีระยะเวลาการใช้ Smart Phone ต่างกัน มีความต้องการพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 6) กิจกรรมที่นักเรียนต้องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ มาพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลประกอบด้วย 3 กลุ่มกิจกรรม คือกิจกรรมในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง กิจกรรมในการทำแบบฝึกหัด การบ้าน และ กิจกรรมในการสันทนาการ
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของวิทยาลัยแสงธรรม ห้ามนำข้อความทั้งหมดไปตีพิมพ์ซ้ำ ยกเว้นได้รับอนุญาตจากวิทยาลัยแสงธรรม
- เนื้อหาและข้อคิดเห็นใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
Brand Buffet Team. (2014). New natives: Marketers must know. https://www.brandbuffet.in.th/2014/03/digital-natives-mindshare-research/
Castells, M. (2000). Materials for an exploratory theory of the network society. The British Journal of Sociology, 51(1), 5–24. https://doi.org/10.1111/j.1468-4446.2000.00005.x
Chaowakeeratikul, T., & Wongnaya, S. (2020). Guidelines for the development of public-mindedness among students of the Faculty of Education, Kamphaeng Phet Rajabhat University. Journal of Humanities and Social Sciences, Kamphaeng Phet Rajabhat University, 23(7), 51–61.
Chumpanin, K. (2020). Guideline for enhancing digital citizenship of students in secondary school. Journal of Education Administration, Khon Kaen University, 16(1), 116–127.
Hussainy, S. S., & Jumalullah, S. R. (2021). A study of factors affecting digital citizenship among college faculties in India. International Journal of Teaching, Education and Learning, 4(3), 49–61.
Isman, A., & Gungoren, O. C. (2014). Digital citizenship. The Turkish Online Journal of Educational Technology, 13(1), 73–77.
Ministry of Digital Economy and Society. (2016). Digital development plan for economy and society. Ministry of Digital Economy and Society.
Ministry of Digital Economy and Society. (2019). Thailand digital economy and society development plan (2019-2037). Ministry of Digital Economy and Society.
Puncreobutr, V. (2021). Desired outcomes of Education 4.0: Understanding, boundaries and linkage. St Theresa Journal of Humanity and Social Sciences, 7(2), 205–214.
Puncreobutr, V., & Puncreobutr, B. (2023). Digital challenges: The digital competencies of educational institutions. St Theresa Journal of Humanities and Social Sciences, 9(2), 144–160.
Puncreobutr, V., Dhamacharoen, A., & Tapaneeyakorn, W. (2022). Factors affecting the readiness of Thai universities to organize learning activities in the metaverse era. Webology, 19(2), 9285–9296.
Ribble, M. (2011). Digital citizenship in schools (2nd ed.). International Society for Technology in Education.
Ribble, M. (2015). Digital citizenship in schools: Nine elements all students should know. International Society for Technology in Education.
Ribble, M. (2017). Nine themes of digital citizenship. http://www.digitalcitizenship.net/nine-elements.html
Sadiku, M. N. O., Tembely, M., & Musa, M. S. (2018). Digital citizenship. International Journals of Advanced Research in Computer Science and Software Engineering, 8(5), 18–20.
ThaiHealth Official. (2022). How spending too much time online affects us. https://www.thaihealth.or.th/?p=227757
