การพัฒนารูปแบบการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาหลังคลอด โรงพยาบาลเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการพัฒนารูปแบบการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาหลังคลอด โรงพยาบาลเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มผู้ร่วมวิจัยเป็นหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ตั้งแต่ 34 สัปดาห์ - จนถึงหลังคลอดทารกอายุ 6 เดือน จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง จำนวนกลุ่มละ 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และแบบประเมินความรู้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลของการใช้รูปแบบการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาหลังคลอด เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความรู้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาหลังคลอดของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมก่อนร่วมกิจกรรมการพัฒนารูปแบบพบว่าไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>.05) หลังเข้าร่วมกิจกรรม พบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยความรู้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาหลังคลอด สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.01) และ 2. ผลของการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หลังได้รับความรู้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาหลังคลอด กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สูงกว่าก่อนได้รับความรู้และสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) ส่วนค่าเฉลี่ยความรู้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังคลอดก่อนการทดลองระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>.05)
Downloads
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่าหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนาญาตจากวารสารวิชาการ ฯ ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
วีนัส สืบศรี. (2538). ความพร้อมของมารดาที่มีผลต่อการให้นมแม่สำหรับบุตรในระยะ 6 เดือนแรกเขตอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่. การศึกษาค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สุรีย์พร กฤษเจริญ, ศศิกานต์ กาละ, วรางคณา ชัชเวช, ศิริไท พฤกษะศรี, และชุลีรัตน์ เพชรวัชระไพบูลย์. (2564, มกราคม - เมษายน). ผลของการใช้แนวปฏิบัติทางคลินิกเพื่อส่งเสริมสนับสนุนและคุ้มครองการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อสมรรถนะและระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในมารดาวัยรุ่น. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 41(1), 54 - 63.
อัญญา ปลดเปลื้อง, อัญชลี ศรีจันทร์, และสัญญา แก้วประพาฬ. (2559, กรกฎาคม-ธันวาคม). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่โดยการสนับสนุนของครอบครัว. วารสารวิจัยราชภัฏพระนคร สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 11(2), 41 - 52.
อุษณีย์ จินตะเวช, เทียมศร ทองสวัสดิ์, และลาวัลย์ สมบูรณ์. (2557, มกราคม - เมษายน). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาอย่างเดียวของมารดาหลังคลอด. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 41(1), 133 - 144.
Bandura, A. (1997, A). Social Learning Theory. New Jersey: Englewood Cliffs.
_______. (1997, B). Self-efficacy: The Exercise of Control. New York: W.H. Freeman and Company.
Kittipong Saejeng, Unnop Jaisamrarn, & Wanapa Naravage. (2018, November). Women’s Experiences and Acceptability of Medical Termination of Pregnancy: Results of An Introductory Study in Thailand. Journal of Health Research, 33(2), 127 - 137.
Polit, D.F., & Beck, C.T. (2004). Nursing Research: Principle and Methods. Philadelphia: Lippincott and Wilkins.
Unicef. (2016). Breastfeeding: A Key to Sustainable Development. Retrieved March 21, 2022, from http://www.worldbreastfeedingweek.org/pdf/BreastfeedingandSDGsMessaging %20WBW201620Shared.pdf.
_______. (2017). Nurturing The Health and Wealth of Nations: The Investment Case for Breastfeeding. Retrieved February 12, 2021, from http://www.who.int/nutrition/ publications/infant feeding/global-bf-collective-investmentcase.pdf.
World Health Organization. (2018). Ten Steps to Successful Breastfeeding. Retrieved March 21, 2022, from https://www.cdc.gov/breastfeeding/data/mpinc/data/steps.htm.