การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวมรดกวัฒนธรรมจังหวัดสิงห์บุรี การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวมรดกวัฒนธรรมจังหวัดสิงห์บุรี
##plugins.themes.bootstrap3.article.main##
摘要
งานวิจัยมีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อสำรวจทรัพยากรการท่องเที่ยวทางมรดกวัฒนธรรมในจังหวัดสิงห์บุรี และ 2) เพื่อศึกษาและพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวมรดกทางวัฒนธรรมในจังหวัดสิงห์บุรี โดยใช้แนวคิดการท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นฐานคิดในการสร้างเส้นทางท่องเที่ยวขึ้น และใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ศึกษาข้อมูลเอกสาร การเก็บข้อมูลภาคสนาม โดยการสำรวจ สังเกต และสัมภาษณ์ โดยมีแบบเก็บข้อมูลที่ศึกษาศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวที่มีความเป็นไปได้ในการจัดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวจาก 6 ประเด็นหลักคือ ด้านแหล่งมรดก ด้านการอนุรักษ์และบำรุงรักษา ด้านการจัดการท่องเที่ยว ด้านการอำนวยความสะดวก ด้านการเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยว และด้านเส้นทางการท่องเที่ยว ผลการศึกษาพบว่า การท่องเที่ยวเชิงมรดกวัฒนธรรมในจังหวัดสิงห์บุรี สามารถจัดเป็นตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวเชิงมรดกวัฒนธรรมได้ 3 เส้นทาง คือ เส้นทางสายทวารวดี เป็นเส้นทางศึกษาเรียนรู้ตามร่องรอยแหล่งโบราณคดีตั้งแต่ยุคทวารวดีโดยมีแหล่งท่องเที่ยวขยายต่อไปยังเมืองโบราณจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ เส้นทางสายวีรชนบางระจัน เป็นเส้นทางศึกษาเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวตามประวัติศาสตร์บางระจัน และมีเส้นทางส่วนขยายไปยังจังหวัดอ่างทองและชัยนาท และเส้นทางสายวิถีชีวิต เป็นตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวระยะสั้นเพื่อชมวิถีชีวิตและเรียนรู้วัฒนธรรม เอกลักษณ์ของท้องถิ่นสิงห์บุรี โดยในแต่ละเส้นทางได้มีการสำรวจความเป็นไปได้ในการจัดแหล่งทรัพยากรที่มีอยู่ให้สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนและกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชนได้ รวมถึงการสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวมรดกวัฒนธรรมที่มีการจัดการโดยชุมชนเอง จากผลการศึกษาการจัดเส้นทางท่องเที่ยวมีข้อค้นพบที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี 4 ประการคือ การปรับปรุงด้านการคมนาคมขนส่งสาธารณะ การปรับปรุงและเพิ่มจำนวนด้านร้านอาหารในแหล่งท่องเที่ยว การจัดกลุ่มนักท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับด้านการเรียนรู้เส้นทางท่องเที่ยว และด้านการเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว เพื่อการกระจายรายได้และจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยวให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นต่อไป
##plugins.generic.usageStats.downloads##
##plugins.themes.bootstrap3.article.details##
The content and information presented in articles published in the Academic Journal of the Faculty of Humanities and Social Sciences, Thepsatri Rajabhat University, are solely the opinions and responsibilities of the respective authors. The editorial board of the journal neither necessarily agrees with nor assumes any responsibility for such content in any manner whatsoever.
All articles, information, content, and images published in the Academic Journal of the Faculty of Humanities and Social Sciences, Thepsatri Rajabhat University, are the copyright of the journal. Any person or organization wishing to reproduce, disseminate, or otherwise utilize all or any part thereof must obtain prior permission from the Academic Journal of the Faculty of Humanities and Social Sciences, Thepsatri Rajabhat University.