ความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพการเข้าถึงและมองเห็นพื้นที่กับรูปแบบการเกิดอาชญากรรมคดีลักทรัพย์ในพื้นที่สาธารณะ ย่านเยาวราช-สำเพ็ง กรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพการเข้าถึงและมองเห็นพื้นที่กับรูปแบบการเกิดอาชญากรรมคดีลักทรัพย์ในพื้นที่สาธารณะของย่าน เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ และรูปแบบการเกิดอาชญากรรมบน โครงข่ายพื้นที่สาธารณะภายในย่าน โดยการวิเคราะห์ศักยภาพการเข้าถึงและมองเห็นของพื้นที่ศึกษา ด้วยเครื่องมือและเทคนิคทางสัณฐานวิทยาที่ชื่อว่า สเปซซินแท็กซ์ (space syntax) โดยศึกษาพื้นที่ของอาชญากรรมกลุ่มคดีประทุษร้ายแก่ทรัพย์สินในย่านเยาวราช-สำเพ็ง ซึ่งเป็นย่านพาณิชยกรรมชั้นในของเมือง ที่มีเอกลักษณ์ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง อยู่ในพื้นที่เขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาลจักรวรรดิและพลับพลาไชย 2 มีสถิติคดีลักทรัพย์ในปี 2550-2561 ระยะเวลา 12 ปี รวมทั้งหมด 1,101 คดี โดยคดีลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะ เช่น การล้วงกระเป๋า การขโมยสินค้า ที่สามารถระบุตำแหน่งการเกิดคดีได้อย่างชัดเจนในพื้นที่ศึกษา มีมากถึง 188 คดี ซึ่งถือว่ามีสถิติอาชญากรรมลักทรัพย์ในพื้นที่สาธารณะสูง เนื่องมาจากลักษณะความเป็นย่านพาณิชยกรรมอันสำคัญของเมือง ผล การศึกษาพบว่า รูปแบบการเกิดอาชญากรรมมักเกิดขึ้นบนถนนสายหลักและสายย่อยอันเป็นถนนสายการค้าที่สำคัญภายในย่าน เช่น ถนนเยาวราช ถนนราชวงศ์ และซอยวานิช 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพการเข้าถึงและมองเห็นสูง มีจำนวน 135 คดี คิดเป็นร้อยละ 71.8 ของคดีลักทรัพย์ พื้นที่เหล่านี้มีลักษณะที่เข้าถึงง่าย มีกิจกรรมการค้าหนาแน่น ซึ่งเป็นพื้นที่รวมตัวกลุ่มเป้าหมายของอาชญากร และมักเกิดขึ้นใกล้ทางร่วมแยก อาจกล่าวได้ว่า อาชญากรเลือกก่อเหตุในบริเวณพื้นที่การค้าที่เข้าถึงง่าย มีการสัญจรเท้าที่หนาแน่น พลุกพล่าน และใกล้ทางร่วมแยก ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจไปกับการทำกิจกรรมการค้า และไม่ทันได้ระวังตัว จึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่เอื้อให้อาชญากรสามารถอําพรางตัวไปในหมู่ผู้คนและก่อเหตุได้โดยง่าย และใช้ทางร่วมแยกเพื่อหลบหนีออกไปจากพื้นที่
Article Details
เอกสารอ้างอิง
บุษยา พุทธอินทร์. “รูปแบบเชิงพื้นที่การเกิดอาชญากรรมกลุ่มคดีประทุษร้ายแก่ทรัพย์สิน ในย่านเยาวราช-สำเพ็ง.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561.
วิชชากร พรกำเหนิดทรัพย์. “ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเกิดอาชญากรรมกลุ่มคดีประทุษร้ายแก่ทรัพย์สินในแขวงชนะสงคราม.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2557.
สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ. “สถิติคดีอาญา พ.ศ. 2561.” สืบค้น 1 กันยายน 2561. https://pitc.police.go.th/dirlist/dirlist.php?dir=/crimes.
อภิรดี เกษมสุข. สเปซซินแท็กซ์ หนึ่งการศึกษาสัญฐานวิทยา. กรุงเทพฯ: เมจิค พับบลิเคชั่น, 2561.
Baran, P. K., W. R., Smith and U. Toker. “The Space Syntax and Crime: Evidence from a
Suburban Community.” International Space Syntax Symposium, Istanbul, 2007.
Fernando, M. “Routine Activity Theory.” in The Encyclopedia of Theoretical Criminology (2014): 1-7.
Hillier, B. Space is the Machine: A Configurational Theory of Architecture. Cambridge: Cambridge University Press, 1996.
Hillier, B., and J. Hanson. The Social Logic of Space. Cambridge: Cambridge University Press, 1984.
Hillier, B., A., Penn, J. Hanson, J. Grajewski and J., Xu. “Natural Movement: Or Configuration and Attraction in Urban Pedestrian movement.” Environment and Planning B: Planning and Design 20 (1993): 29-66.