การวิเคราะห์ความแตกต่างของปัจจัยที่สนับสนุนการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้จองซื้อที่อยู่อาศัยในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 39-43 : ก่อนและหลังการเกิดวิกฤตการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่สนับสนุนการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยช่วงก่อนและหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ในประเด็นสำคัญว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้พฤติการณ์ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ทั้งนี้ โดยนำหลักเกณฑ์ทางสถิติมาใช้ในการวิเคราะห์ผลเพื่อหาค่าความสัมพันธ์ต่อตัวแปรที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อทั้งก่อนและหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  โดยใช้ฐานข้อมูลจากแบบสอบถามที่ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่ได้เก็บรวบรวมจากผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 39-43 จำนวนรวม 1,081 ชุด

            ผลการศึกษาพบว่า พฤติกรรมที่เกี่ยวกับข้อมูลคุณลักษณะ เช่น เพศของผู้ซื้อทั้งก่อนและหลังมีสัดส่วนแตกต่างกันเล็กน้อย ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ผู้จองซื้อมีสัดส่วนสูงกว่าหลังเกิดโควิด-19 ในกลุ่มไม่เกิน 30 ปี และกลุ่มมากกว่า 40 ปี โดยพบว่า ก่อนเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดนั้น กลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นเพศชาย  อายุไม่เกิน 30 ปี และสนใจซื้อคอนโดมิเนียมมากกว่าที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่น แต่ภายหลังการเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดแล้วพบว่า ผู้ตัดสินใจซื้อส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิง อายุตั้งแต่ 31-40 ปี และสนใจซื้อทาวน์เฮ้าส์มากกว่าที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่น แต่เมื่อพิจารณาจากตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งก่อนและหลังการเกิดวิกฤตการณ์ โดยการเรียงลำดับจากปัจจัยที่มีค่าความสำคัญมากไปหาปัจจัยที่มีค่าความสำคัญน้อยพบว่า ปัจจัยด้านทำเลมีค่าความสำคัญสูงเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นปัจจัยด้านบริการ ด้านราคา และด้านสินเชื่อตามลำดับ ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อมูลทุกด้านประกอบกันสามารถสรุปได้ว่า ก่อนและหลังการเกิดโควิด -19 เพศไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง แต่กลับพบว่า ลักษณะรูปแบบที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงจากความต้องการคอนโดมิเนียมไปสู่ทาวน์เฮ้าส์เป็นส่วนใหญ่ และช่วงอายุที่มีค่าเฉลี่ยของผู้จองซื้อที่อยู่อาศัยที่สูงมากขึ้น  ส่งผลในทิศทางเดียวกันกับวิกฤตการณ์โควิด-19 กล่าวคือ เมื่อคนส่วนใหญ่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงานที่บ้าน (work from home) จึงมีความต้องการพื้นที่ใช้สอยในการทำงานที่บ้านเพิ่มมากขึ้น