Development of Science Activity Series based on STEM Education “Stone Story and Change”

Main Article Content

Threeprasert Sangsiruarng
Arun Suikraduang
Pongsagorn Pimpanith

Abstract

                  The development of a science activity series based on STEM Education “Stone story and change” for Prathom Suksa Six. ; (1) To develop of a science activity series on the standard criteria of 80/80. ; (2) To compare the students' learning achievement and critical thinking of a science. and (3) to study students' satisfaction towards the developed of a science activity. The sample for this research consisted of 20 pupils of Nonrangwittayakan School using cluster random sampling. The research tools were (3.1) to science activity series along the STEM Education Stone and change, 6 sets of activities, 2 hours each; (3.2) Learning achievement test and critical thinking; and (3.3) a questionnaire on satisfaction. The statistics used to analyze the data were: percentage (%), mean ( ), standard deviation (S.D.) and t - test (Dependent).


                   The results of the research revealed that. ; (1) There are Six activity sets. ; (1.1) Dear stone garden. ; (1.2) The pathway of Thanos. ; (1.3) What is good about this stone ;    (1.4) Stone, are you still the same; (1.5) “Earthquake disaster” Know before, we are safe ; and (1.6) Fight the disaster. Effectiveness of the materials was 79.08/82.67 percent. ;  (2) The students science learning achievement test and critical thinking ability and after using “STEM Education” were significantly higher before using “STEM Education” materials at the 0.5 level. ; (3) The overall satisfaction of the students with using “STEM Education” was at the highest level.

Article Details

How to Cite
Sangsiruarng, T., Suikraduang, A., & Pimpanith, P. (2020). Development of Science Activity Series based on STEM Education “Stone Story and Change”. Academic Journal of Mahamakut Buddhist University Roi Et Campus, 9(2), 506–518. Retrieved from https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/236748
Section
Research Article

References

กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). แผนปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ของกระทรวงศึกษาธิการ (เพื่อประกอบการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2560). กรุงเทพมหานคร : สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักปลัดกระทรวงกระทรวงศึกษาธิการ.

กมลฉัตร กล่อมอิ่ม และปรมะ แก้วพวง. (2559). ผลการวิจัยพบว่า สร้างและหาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสะเต็มศึกษาเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา. วารสารวิชาการมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุตรดิตถ์. 3(2). 27-42.

เกศินี อินถา ภาณุพัฒน์ ชัยวร และอโนดาษ์ รัชเวทย์. (2558). การสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง มหัศจรรย์ยางพารา โดยใช้แนวการสอน STEM กับการพัฒนาการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารครุพิบูล มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม. 2(1). 132-141.

ดวงพร สมจันทร์ตา, มนตรี มณีภาค และสมเกียรติ พรพิสุทธิมาศ. (2559). การศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ได้รับการเรียนตามแนวทางสะเต็มศึกษา เรื่อง กายวิภาคของพืช.ใน การประชุมวิชาการ ระดับชาติครุศาสตร์ ครั้งที่ 1 การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นสู่ประชาคมอาเซียน : ทิศทางใหม่ในศตวรรษที่ 21. 353-360.

น้ำฝน คูเจริญไพศาล, รังสิยา ขวัญเมือง และลลิตา มาเอี่ยม. (2562). การพัฒนาชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวทางสะเต็มศึกษา (STEM EDUCATION) เรื่อง การปรับปรุงคุณภาพน้ำสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์). 11(21). 23-38.

วรรณธนะ ปัดชา และสืบสกุล อยู่ยืนยง. (2559). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ. วารสารวิชาการ Veridian E–Journal, Silpakorn University. 9(2). 830-839.

วรวุฒิ สุดจิตรจูล และสิทธิพล อาจอินทร์. (2562). การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมเครื่องดนตรีสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นด้วยการจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ ฉบับวิจัยบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 13(2). 1-11.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2560). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1 ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.

สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ. (2560). รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET). สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2562. จาก http://www.newonetresult.niets.or.th/

สาวิตรี หงษา. (2560). การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแบบสะเต็มศึกษาร่วมกับบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่องการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ มัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารคุรุศาสตร์อุสาหกรรม. 16(2). 18 - 24.

อับดุลยามีน หะยีขาเดร์. (2562). ผลของการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชีววิทยา ความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ และความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. 30(1). 170-180.

อโนดาษ์ รัชเวทย์, ฐิสินีปกรณ์ สมแก้ว และปภาวี อุปธิ. (2560). การพัฒนาทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมในศตวรรษที่ 21 โดยชุดการเรียนการสอนตามแนวสะเต็มศึกษา เรื่อง การแยกสารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 2. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น. 11(3). 226 - 238.

C.C. Bonwell, J.A. Eison. (1991). Active Learning: Creating Excitement in the Classroom. ERIC Digest. Washington D.C. : ERIC Clearinghouse on Higher Education.

Felder, R. and Brent, R. (1996). Navigating the Bumpy Road to Student-Centered Instruction. Journal of College Teaching. 44(2). 43-47.