การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE เพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลวัดสระทอง

Main Article Content

ตรีทิพย์นิภา รัตนอนุชาติกมล

บทคัดย่อ

                   การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE เพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  2)เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE 3)เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE ดังนี้ (3.1)การหาประสิทธิภาพของการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE (3.2)การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE (3.3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเทศบาลวัดสระทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ที่กำลังเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559  จำนวน 1 ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น 36 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม(Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนหลังจากเรียนตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ การวิเคราะห์เนื้อหา(Content Analysis) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบหาค่าที (Dependent  t-test)


                   ผลการวิจัยพบว่า


                   1. การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากการได้ยิน ได้สัมผัส การอ่าน การใช้เทคโนโลยี ประกอบด้วยสิ่งเร้าและการตอบสนอง การมีความจำ ความเข้าใจ การประยุกต์ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประมาณค่า จึงเกิดการเรียนรู้แล้วสร้างเป็นความรู้ใหม่ขึ้นมาการจัดกระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ดีผู้เรียนจะต้องมีโอกาสได้ฝึกทักษะการสื่อสารให้มากที่สุดทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน และจัดกิจกรรมให้หลากหลายแต่สภาพการจัดการเรียนการสอนของครู ยังใช้รูปแบบการสอนแบบบรรยาย ให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดจากบทเรียน ส่วนการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ยังมีน้อย   


                  2. รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE ที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า W-PA-RE Model มีองค์ประกอบหลักประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน สิ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้และเงื่อนไขในการใช้รูปแบบการเรียนการสอน ซึ่งมีกระบวนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ผลการตรวจสอบพบว่า รูปแบบดังกล่าวมีความเหมาะสมและเป็นไปได้


                  3. การทดลองใช้รูปแบบรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE ปรากฏว่า  1)การหาประสิทธิภาพของการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE มีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.75/78.89 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 75/75 ปรากฏว่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2)การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนการ พบว่า นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลการประเมินทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 3)การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE เพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการจัดกิจกรรมในการเรียน  และด้านการประเมินผลในการเรียน  รองลงมาคือ  ด้านระยะเวลาในการเรียนและด้านบรรยากาศในการเรียน ตามลำดับ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
รัตนอนุชาติกมล ต. (2018). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ W-PA-RE เพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลวัดสระทอง. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 8(1), 188–198. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/194956
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมวิชาการ. (2552). การจัดสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551. กรุงเทพมหานคร : กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์. (2551). เทคนิคการอ่าน. กรุงเทพมหานคร : บูรพาสาสน์ จำกัด.

ทิศนา แขมมณี. (2552). ศาสตร์กาสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

บุญชม ศรีสะอาด. (2547). การพัฒนาการวิจัยโดยใช้รูปแบบในคู่มือการจัดการศึกษาวิชาวิธีวิทยาการวิจัย. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

มนมนัส สุดสน. (2543). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางวิทยาศาสตร์และความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ประกอบการเรียนแผนมโนคติ. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร.

วัชรา เล่าเรียนดี. (2552). รูปแบบและกลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิด. พิมพ์ครั้งที่ 4. นครปฐม : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.

สุพรรษา ทิพย์เที่ยงแท้. (2557). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นชะอำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 2 วัดไทรย้อย(ญาณธรรมสัมฤทธิ์) จังหวัดเพชรบุรี. วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศ. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยศิลปากร.

สุวิมล ทำย่อย. (2555). ความพึงพอใจของผู้มารับบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหยวก อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี. อุดรธานี : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านหยวก.

อารีย์ ปรีดีกุล. (2553). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษตามหลักการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารและการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาการสื่อสารของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ.

อารุณี เชาวนพูนผล. (2556). การพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนการสอนแบบเน้นภาระงานเพื่อเสริมสร้างทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. รายงานการวิจัย. ลำพูน : โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ สังกัดเทศบาลเมืองลำพูน.

Good, Carter V. (1973). Dictionary of Education. New York : Mc Graw-Hill Book Company.

Lawson R. (1995). Community Issues and Resident Opinions of Tourism. Annals of Tourism Research. 28(2). 269-290.

Sund. Robert B. and Leslie W. Trowbridge. (1973). Teaching Science Inquiry in the Secondary School. 2nded. Ohio : Charles E. Merril Publishing.