ผลการจัดการเรียนรู้ด้วยวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น เสริมด้วยเทคนิคการทำนาย-สังเกต-อธิบาย ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

Main Article Content

นริศรา โอชารส
ชาติชาย ม่วงปฐม
พัดตาวัน นาใจแก้ว

บทคัดย่อ

          บทความวิจัยนี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น เสริมด้วยเทคนิคการทำนาย-สังเกต-อธิบาย ก่อนเรียนและหลังเรียน ดำเนินการวิจัยโดยใช้แบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มเดียวโดยการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 27 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วัฏจักรกาเรียนรู้ 7 ขั้น เสริมด้วยเทคนิคการทำนาย-สังเกต-อธิบาย แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบทีไม่เป็นอิสระ(Dependent Sample t-test) และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มเดียว(One Sample t-test)


          ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น เสริมด้วยเทคนิคการทำนาย-สังเกต-อธิบาย มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาหลังเรียนมากกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น เสริมด้วยเทคนิคการทำนาย-สังเกต-อธิบายมีผลสัมฤทธิ์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีผลสัมฤทธิ์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนมากกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
โอชารส น., ม่วงปฐม ช., & นาใจแก้ว พ. (2020). ผลการจัดการเรียนรู้ด้วยวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น เสริมด้วยเทคนิคการทำนาย-สังเกต-อธิบาย ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 10(2), 106–117. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/240763
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

น้ำค้าง จันเสริม. (2551). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเรื่องงานและพลังงานชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 บนพื้นฐานของทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์โดยใช้วิธี POEs. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

ประสาท เนืองเฉลิม. (2550). การเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น. วารสารวิชาการ. 10(4). 28-30.

ลักษณา ศิริมาลา. (2553). ความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยรูปแบบการเรียนการสอน 7E. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2545). คู่มือการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.

Abraham, M.R. and Renner. J.W. (1986). The Sequence of Learning Cycle Activities in High School Chemistry. Journal of Research in Science Teaching. 23(2). 121–143.

Ebrahim, Ali. (2004). The Effects of Traditional Learning and a Learning Cycle Inquiry Learning Strategy on Students’ Science Achievement and Attitude Toward Elementary Science. Dissertation Abstracts International. 65(4). 1232-A.

Eisenkraft. (2003). Expanding the 5E Model: A proposed 7E model emphasizes “transfer of learning” and the importance of eliciting prior understanding. The Science Teacher. 70(6). 56-59.

White R. and Gunstone R. (2006). Probing Understanding. 6th ed. Eastbourne : CPI Antony Rowe.