การพัฒนาแนวทางการเสริมสร้างการนับถือตนเองของนักเรียนโรงเรียนฟ้าใสวิทยา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดการนับถือตนเองของนักเรียน 2) ศึกษาสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์การเสริมสร้างการนับถือตนเอง 3) พัฒนาแนวทางการเสริมสร้างการนับถือตนเองของนักเรียนโรงเรียนฟ้าใสวิทยา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ การวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดการนับถือตนเองของนักเรียน ตรวจสอบความเหมาะสมโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ระยะที่ 2 ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการเสริมสร้างการนับถือตนเองของนักเรียน เก็บข้อมูลจาก ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากร จำนวน 30 คน ระยะที่ 3 พัฒนาแนวทางการเสริมสร้างการนับถือตนเองของนักเรียน ตรวจสอบความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแนวทาง โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1. การสังเคราะห์องค์ประกอบและตัวชี้วัดของการนับถือตนเอง พบว่า ประกอบด้วย 2องค์ประกอบหลัก 7 องค์ประกอบย่อย คือ องค์ประกอบที่ 1 ความรู้สึกมีคุณค่าที่เกิดจากตนเอง มี 4 องค์ประกอบย่อย คือ 1)การเข้าใจตนเองและพึงพอใจในภาพลักษณ์ของตนเอง 2)การจัดการทางอารมณ์ 3)ความมุ่งมั่นและเพียรพยายามเพื่อความสำเร็จ 4)ความเข้มแข็งและความอดทน องค์ประกอบที่ 2 ความรู้สึกมีคุณค่าที่เกิดจากการยอมรับของผู้อื่น มี 3 องค์ประกอบย่อย คือ 1)สภาพครอบครัวและสมาชิกในครอบครัว 2)บทบาทของเพื่อนที่ดี 3)บทบาทของสมาชิกที่ดีของสังคม 2. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันการเสริมสร้างการนับถือตนเองของนักเรียนโรงเรียนฟ้าใสวิทยาพบว่า สภาพปัจจุบันโดยรวมมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายองค์ประกอบ พบว่า มีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันอยู่ในระดับมากทุกองค์ประกอบ 3. แนวทางเสริมสร้างการนับถือตนเองของนักเรียนโรงเรียนฟ้าใสวิทยา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก 7 องค์ประกอบย่อย 41 แนวทาง ผลการประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแนวทางการเสริมสร้างการนับถือตนเองของนักเรียนโรงเรียนฟ้าใสวิทยาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ โดยรวม พบว่า แนวทางมีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมาก และแนวทางมีความเป็นไปได้โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีความเป็นไปได้ในระดับมากที่สุด 1 ด้าน และในระดับมาก 6 ด้าน
Article Details
เอกสารอ้างอิง
นคเรศ นิลวงศ์. (2560). การพัฒนาชุดฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมความภาคภูมิใจในตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 19(1). 239-253.
นรีรัตน์ เบี้ยพัด. (2558). การพัฒนาการจัดกิจกรรมแนะแนวโดยประยุกต์ใช้แนวคิดทฤษฎีคาลโรเจอร์ประกอบการใช้สถานการณ์จำลองเพื่อส่งเสริมความฉลาดทางอารมณ์และการยอมรับนับถือตนเองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารบริหารการศึกษาบัวบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 15(พิเศษ). 87-95.
นิตยา บริสุทธิ์สุขศรี. (2556). ผลของกระบวนการกลุ่มต่อทักษะชีวิต เพื่อการกลับสู่สังคมของเยาวชน ในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 4 จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์ พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลสุขภาพเด็ก. ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ปรีชา ธรรมา. (2547). จิตวิทยาและจิตวิทยาพัฒนาการ. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์นานาศึกษา.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2559). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564. สืบค้นเมื่อ 8 พฤษภาคม 2562. จากhttp://www.nesdb.go.th/ewt_news.php?
nid=6420&filename=develop_issue
อุมาพร ตรังคสมบัติ. (2553). Everest พาลูกค้นหาความนับถือตนเอง. กรุงเทพมหานคร : ซันต้า.
Barry, P. D. (1988). Mental Health and Mental IIIness. 5thed. J. B. Lippincott.
Branden, N. (1981). The Psychology of Self-Esteem. 3rded. Bantam Books.
Coopersmith, S. (1984). The Antecedents of Self-esteem. W. H. Freeman and Company.
Maslow, Abaham M. (1970). Motivation and Personality. 2nded. Harcouty, Brace& World.
Mussen, P.H., Conger, J.J., & Kagan, J. (1969). Child Development and Personality. Harper & Row.