การเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพประชาชนที่พึงประสงค์ในวัยทำงานอายุระหว่าง 25-59 ปี ในเขตอำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาการเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพประชาชนที่พึงประสงค์ในวัยทำงาน 2)เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพประชาชนที่พึงประสงค์ในวัยทำงาน และ 3)เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพประชาชนที่พึงประสงค์ในวัยทำงานอายุระหว่าง 25-59 ปี ในเขตอำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ในเขตอำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี จำนวน 397 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณโดยใช้วิธีการคัดเลือกตัวแปรแบบเป็นลำดับประกอบการอภิปรายผล และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพเชิงโดยใช้การพรรณนาวิเคราะห์
ผลการวิจัยพบว่า 1. การเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพประชาชนที่พึงประสงค์ในวัยทำงานอายุระหว่าง 25-59 ปี ในเขตอำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี โดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับปานกลาง 2. ค่าน้ำหนักความสำคัญของตัวแปรปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพประชาชนที่พึงประสงค์ในวัยทำงานอายุระหว่าง 25-59 ปี ในเขตอำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี โดยรวมทุกด้าน ด้านการจัดการกับความเครียด ด้านการออกกำลังกาย ด้านความรับผิดชอบต่อสุขภาพตนเอง มีค่าสัมประสิทธิ์ของตัวพยากรณ์ในคะแนนดิบ เท่ากับ .420, .275 และ .040 ตามลำดับ 3. แนวทาง การพัฒนาการเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพประชาชนที่พึงประสงค์ในวัยทำงานอายุระหว่าง 25-59 ปี ในเขตอำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี ควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์รับประทานอาหารเสริมเพื่อบำรุงสุขภาพตามคำสั่งแพทย์สร้างเสริมพฤติกรรมการดูแลสุขภาพข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมเกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจัดช่องทางพิเศษให้กับวัยทำงานอายุระหว่าง 25-59 ปี ได้เข้าถึงบริการสุขภาพให้ความรู้มีบทบาทพัฒนาด้านสุขภาพจิตประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุณภาพชีวิตที่ด้านจิตใจเพื่อความสุข พัฒนาวัยทำงานด้านสุขภาพจิตภาครัฐหรือเครือข่ายภาคีให้ความสำคัญและความมั่นคงทางจิตใจในชีวิตทั้งจิตใจ อารมณ์และการดำเนินชีวิตกับความเครียดและการจัดการความเครียดให้คำปรึกษาช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและสนับสนุนแก้ปัญหาเมื่อเกิดความเครียดหรือจิตใจขาดสมดุลต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งที่มากระตุ้นต่อสุภาพอารมณ์สร้างบรรยากาศที่ทำงานให้มีความสุขใจที่เกิดจากการได้รับการกระทบจากสิ่งเร้าในการทำงานฝึกมองโลกในแง่ดีมองทุกอย่างไปในทางที่ดี
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2546). การใช้ SPSS for Window ในการวิเคราะห์ข้อมูล. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพมหานคร : บริษัทธรรมสาร.
พรรณราย ทรัพยะประภา. (2548). จิตวิทยาประยุกต์ในชีวิตและการทำงาน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิชัย เทียนถาวร. (2553). ตำราการสร้างเสริมสุขภาพแนวใหม่. กรุงเทพมหานคร : สามเจริญพาณิชย์.
สุธิศา ล่ามช้าง และคณะ. (2548). ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของอาจารย์กลุ่มคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คณะพยาบาลศาสตร์ :มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สุวิมล ติรกานันท์. (2550). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์: แนวทางปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Heuisug, J., L. Sunhee, O.A. Myong and H.J. Sang. (2003). Structural Relationship of Factor Affecting Health Promotion Behaviors of Korean urban Residents. Health Promotion International. 18(3). 229-237.
Kim, et al. (2004).The attitudes of cancer patients and their families toward the disclosure of terminal illness. Journal of clinical oncology. 22(2). 307-314.
Palank, C. L. (1991). Determinants of health-promotive behavior: A review of current research. The Nursing Clinics of North America. 26(4). 815-832.
Taro Yamane. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. 3rd ed. New York : Harper and Row Publications.