การประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ในสถานการณ์โควิด-19 เขตพื้นที่ร้อยแก่น-สารสินธุ์
Main Article Content
บทคัดย่อ
ปัจจุบันทั่วโลกมีการเผชิญปัญหาอย่างมากในสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทุกประเทศทั่วโลก ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19 ในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งภาคการท่องเที่ยวของประเทศที่เป็นปัจจัยหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ เพื่อนำมาบริหารจัดการภายในประเทศและความอยู่ดี กินดี มีสุข การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เป็นอีกช่องทางที่จำสามารถทำรายได้ให้กับทุกภาคส่วน ดังนั้น การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในสถานการณ์โควิด-19 2)เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในสถานการณ์โควิด-19 และ 3)เพื่อนำเสนอแนวปฏิบัติในการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในสถานการณ์โควิด-19 เขตพื้นที่ร้อยแก่น-สารสินธุ์ เป็นการวิจัยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน และผู้ให้สัมภาษณ์ จำนวน 40 คน ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติพรรณนาและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในสถานการณ์โควิด-19 อยู่ในระดับปานกลาง โดยเรียงลำดับด้านมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ด้านการรับรู้การประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมในการติดตามและประเมินผล ด้านการรับรู้การประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมไปปฏิบัติ และด้านการรับรู้การกำหนดการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรม ตามลำดับ 2. ปัจจัยที่มีผลต่อการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในสถานการณ์โควิด-19 โดยรวมทุกด้าน ด้านบทบาทเถรสมาคม(X4) ด้านบทบาทเจ้าอาวาส(X5) และด้านบทบาทภาคของท้องถิ่น(X2) มีค่าสัมประสิทธิ์ของตัวพยากรณ์ในคะแนนดิบเท่ากับ .403 .217 และ .206 ตามลำดับ และ 3. แนวปฏิบัติในการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในสถานการณ์โควิด-19 เขตพื้นที่ร้อยแก่น-สารสินธุ์ ควรมีการสื่อสารให้มีการรับรู้ถึงกระบวนการในขั้นตอนการกำหนดนโยบายในการตัดสินใจ การวางแนวทางในการแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาหรือการตอบสนองความต้องการในการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ชี้แจงในการรับรู้ในการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยวสร้างความเข้าใจในการประยุกต์ใช้หลักความเชื่อและนวัตกรรมเพื่อรองรับนโยบายการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้วิเคราะห์ประเมินผลนโยบายได้อย่างสอดคล้องกับพลวัตที่ทวีความซับซ้อนในสถานการณ์ปัจจุบัน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2560). การวิเคราะห์สถิติชั้นสูงด้วย SPSS for Window. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพมหานคร : ห้างหุ้นส่วนจํากัด สามลดา.
ณัทชลิดา บุตรดีวงษ์.(2561). การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนแสนสุข สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยเกริก.
นิศา ชัชกุล. (2555). อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญเพ็ง สิทธิวงษา และคณะ. (2562). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการกําหนดนโยบายแผนยุทธศาสตร์จังหวัดอุดรธานี. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด. 9(2). 636-646.
ปิยธิดา เทพวงค์. (2560). การพัฒนารูปแบบการให้บริการสารสนเทศที่สนับสนุนการเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย : กรณีศึกษาห้องสมุด คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์.กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยมหิดล.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส. (2557). พระพุทธศาสนากับวิทยาการสมัยใหม่. กรุงเทพมหาคร : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
วารุณี กุลรัตนาวิจิตรา. (2560). ปัจจัยด้านนวัตกรรมทางธุรกิจส่งผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ประเภทบริการ). วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารเทคโนโลยี. วิทยาลัยนวัตกรรม : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สโรชา อมรพงษ์มงคล. (2561). การจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในมิติความจริงแท้และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ กรณีศึกษา: เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 จังหวัดกาญจนบุรี. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการมรดกวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์. วิทยาลัยนวัตกรรม : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.