ศึกษาผลการจัดสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ (Learning Environment) ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาของนักเรียนในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

Main Article Content

สุนิสา สุวรรณฉาย
นภาพร วรเนตรสุดาทิพย์
พุทธชาติ ชุมแวงวาปี

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตามแนวคิดของโพลยา 2) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาของนักเรียนในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 3) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้  ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาของนักเรียนในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้านเนื้อหาการเรียนรู้ ด้านสื่อบนเครือข่าย และด้านการออกแบบสิ่งแวดล้อม กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายประถมศึกษา (ศึกษาศาสตร์) จำนวน 38 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาของนักเรียนในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความคิดเห็นการจัดสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาของนักเรียนในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประกอบด้วย 1) ด้านเนื้อหา ตรงประเด็นเรื่องที่เรียน 2) สื่อบนเครือข่าย มีความน่าสนใจ เข้าถึงง่าย 3) การออกแบบสิ่งแวดล้อม สถานการณ์ปัญหา ภารกิจในบทเรียน ยาก ง่าย น่าสนใจ เหมาะสม ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบข้อมูลเชิงคุณภาพ และข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้ค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ มีการนำเสนอผลการวิจัยในรูปแบบตารางและบรรยายข้อมูลในรูปแบบความเรียง


ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการใช้สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาของนักเรียนในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 20.29 คะแนน และ 23.97 คะแนน ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน คะแนนหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ผลจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนพบว่ามีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 97.38 ของนักเรียนทั้งหมด 3) ผลจากการสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาของนักเรียนในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความเหมาะสม ด้านสื่อบนเครือข่ายคิดเป็นร้อยละ 94 ด้านเนื้อหาการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ 92  และด้านการออกแบบสิ่งแวดล้อมคิดเป็นร้อยละ 86 ตามลำดับ โดยมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ดังนี้ ช่วยให้ผู้เรียนสนุกและมีความสุขกับการเรียน ผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเองได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังสามารถสื่อสารกับอาจารย์ที่ปรึกษาได้ตลอดเวลาผ่านแพลตฟอร์ม EDULEARN สามารถจดจำข้อมูลที่ซับซ้อน และแก้ปัญหาเหล่านั้นได้เป็นอย่างเป็นระบบ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สุวรรณฉาย ส., วรเนตรสุดาทิพย์ น., & ชุมแวงวาปี พ. (2024). ศึกษาผลการจัดสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ (Learning Environment) ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาของนักเรียนในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 13(1), 571–580. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/275076
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรคณิตศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.

กฤตยาณี กองอิ้ม. (2548). ผลของสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ บนเครือข่ายที่พัฒนาตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

จรัสศรี จิณรักษ์. (2554). การศึกษาความเข้าใจมโนมติและการคิดวิเคราะห์ ที่เรียน ด้วยมัลติมีเดีย ที่พัฒนาตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง แรงและกฎ การเคลื่อนที่ของนิวตันสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

ปกรณ์ ประจัญบาน (2552). สถิติขั้นสูงสำหรับการวิจัยและประเมิน (Advanced Statistics for Research and Evacuation). พิษณุโลก : มหาวิทยาลัยนเรศวร.

พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2558). คู่มือปฏิบัติการเพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

มเดช บุญประจักษ์. (2540). การพัฒนาศักยภาพทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ. วิทยานิพนธ์ปริญญานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2542). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : วัฒนาพานิช.

วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.

สถาบันทดสอบทางการศึกษา. (2553). คู่มือดำเนินการสอบแบบทดสอบความถนัดทางการเรียน. กรุงเทพมหานคร : สภาลาดพร้าว.

สมปอง ศรีภิรมย์. (2549). ผลของสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้บนเครือข่ายที่พัฒนาตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

สิริพร อินทสนธ์. (2563). โควิด – 19 : กับการเรียนการสอนออนไลน์ กรณีศึกษา รายวิชาการเรียนโปรแกรมเว็บ. วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์. 22(2). 203-213.

สุภิญ พิทักศักดากร. (2541). การสอนวิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการแก้ปัญหาของโพลยาในโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สุมาลี ชัยเจริญ. (2551). เทคโนโลยีการศึกษา หลักการ ทฤษฎี สู่การปฏิบัติ. ขอนแก่น : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

National Council of Teachers of Mathematics (NCTM). (2000). Principles and Standards for School Mathematics. Reston, Virginia : NCTM.