สถานการณ์และแนวโน้มการท่องเที่ยวไทย

Authors

  • พรทิพย์ เธียรธีรวิทย์

Abstract

อัตราการขยายตัวเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในช่วงปี พ.ศ. 2533-2541 ประมาณร้อยละ 4.2 ต่อปี โดยนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปเที่ยวทวีปยุโรปมากเป็นอันดับ 1(ร้อยละ 60 ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก)รองลงมาคือ ภูมิภาคอเมริกา และเอเซียแปซิฟิก ตามลำดับ ส่วนอัตราการขยายตัวของรายได้จากการท่องเที่ยวของโลกในช่วงปี พ.ศ. 2533-2541ประมาณร้อยละ 6.5 ต่อปี และประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดของโลกอยู่ในทวีปยุโรป เมื่อพิจารณาจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นรายประเทศแล้วพบว่า ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเที่ยวมากเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยในปี พ.ศ. 2541ฝรั่งเศส มีนักท่องเที่ยวจำนวน 70 ล้านคนหรือมีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็นร้อยละ 11 ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกรองลงมา คือ สเปน และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ แต่ ถ้าพิจารณาจากรายได้ของการท่องเที่ยวจำแนกตามรายประเทศแล้วพบว่า สหรัฐอเมริกามีรายได้จากการท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยในปี พ.ศ. 2541 มีรายได้จาการท่องเที่ยวจำนวน 71.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 16.2 ของรายได้ทั่วโลก อันดับ 2 คือ อิตาลี (รายได้จากการท่องเที่ยว 30.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 6.9) และอันดับ 3 คือ ฝรั่งเศส (รายได้จากการท่องเที่ยว 29.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 6.8)

                 ภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิกจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับ 3 ของโลกไม่ว่าจะพิจารณาจากจำนวนนักท่องเที่ยวหรือรายได้จากการท่องเที่ยวของโลกอัตราการขยายตัวของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกช่วงปี พ.ศ. 2533-2541 ประมาณร้อยละ 6.3 ต่อปีซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของโลกและมีอัตรการขยายตัวเป็นอันดับ 3 ของโลก ขณะที่อัตราการขยายตัวของรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณร้อยละ 8.0 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของโลกและมีอัตราการขยายตัวเป็นอันดับ 3 ของโลกเช่นดียวกับอัตราการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยว จีน ฮ่องกง ไทย สิงคโปร์และมาเลเซีย เป็น 5 ประเทศในภุมิภาคเอเซียแปซิฟิกที่มีนักท่องเที่ยวมากติดอันดับ 40 อันดับแรกของโลก ซึ่งในปี พ.ศ. 2541 อยู่ในอันดับ 6 18 21 26 และ 27 ตามลลำดับ

             สำหรับประเทศไทยนั้น มีนักท่องเที่ยวมากติดอันดับที่ 21 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก รองจากจีน และฮ่องกง ไทยมีอัตราการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงปี พ.ศ.2538-2543 ประมาณร้อยละ 6.6 ต่อปี และWorld Travel & Tourism Council (WTTC) คาดการณ์ว่าในช่วงปี พ.ศ. 2543 -2553 ประเทศไทยจะมีการขยายตัวของรายได้จากการท่องเที่ยวเฉลี่ยนร้อยละ 7.2  ต่อปี ทั้งนี้เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 ต่อปี

              ตลาดนักท่องเที่ยวหลักของไทยคือ ตลาดเอเชียตะวันออก มีอสัดส่วนมากถึงร้อยละ 60 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มาไทย ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นมากที่สุดประมาณร้อยละ 12 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด รองลงมาคือ นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย ไต้หวัน จีน และสิงคโปร์ ตามลำดับ อันดับสองคือตลาดยุโรป โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 23 ของนักท่องเที่ยวที่มาไทยทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากเยอรมนีมากที่สุด รองลงมาคือ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สวีเดน และอิตาลี ตามลำดับ และอันดับสามคือ ภูมิภาคอเมริกา ซึ่งประกอบด้วยประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดาและอเมริกาใต้ นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาเที่ยวไทยมากที่สุด

                 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวไทยมีรายจ่ายเฉลี่ยคยละ 3,861.2 บาท/วันในปี 2543 อัตราการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายเฉลี่ยในรูปเงินบาทของของนักท่องเที่ยวในช่วงปี 2538-2543 ประมาณร้อยละ 1.4 เมื่อพิจารณารายจ่ายของนักท่องเที่ยวตามภูมิภาคในปี 2543 พบว่านักท่องเที่ยวจากแอฟริกาใช้จ่ายเงินมากที่สุดถึงคนละ 6,023.3 บาท/วัน (ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยทั้งประเทศ) อันดับสองคือ นักท่องเที่ยวจากเอเชียใต้ 4,955.7 บาท/วัน อันดับ 3  คือ เอเชียตะวันออกกลาง 4,687.3 บาท/วัน และอันดับ 4 คือ อเมริกา 4,451.7 (จาจกแคนาดามากถึง 4,543.3 บาท/วัน ) ขณะที่นักท่องเที่ยวจากยุโรปจะใช้เงินน้อยที่สุดคือประมาณ 3,174.1 บาท/วัน โดยนักท่องเที่ยวของยุโรปที่เป็นตลาดหลักของไทยได้แก่ สหราชอาณาจักรที่ใช้จ่ายเงินคนละ 3,605.5 บาท/วัน ฝรั่งเศสและเยอรมนีใช้จ่ายเงินเพียง คนละ 3,119.9 บาท/วัน และ 2,792.0 บาท/วัน ตามลำดับ

              มีข้อน่าสังเกตคือ นักท่องที่ยวจากยุโรปมีรายจ่ายเฉลี่ยน้อยกว่านักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆและยังมีรายจ่ายเฉลี่ยที่ลดลง(บางปีเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย)ในช่วงปี 2538- 2543 โดยเฉพาะตลาดหลักของไทย คือ เยอรมนีและฝรั่งเศส สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยวยุโรปมีวันพักยาวนานและมักเป็นนักท่องเที่ยวที่เคยมีประสบการณ์ในการทอ่งเที่ยวไทยมากกว่า 1 ครั้งมีสัดส่วนมากถึงร้อยละมากถึงร้อยละ 56 ของนักท่องเที่ยวเยอรมันทั้งหมดที่มาไทยในช่วงปี 2538-2543 จึงสามารถลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงได้ แต่มองอีกด้ายหยึ่งอาจเนื่องมาจากไทยยังไม่ได้มีการเปิดตลาดใหม่ๆ ใน กลุ่มประเทศยุโรป

             นักท่องเที่ยวมีวันพักเฉลี่ย 7-8 วันในช่วงปี 2538-2543 โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของวันพักในช่วงปี 2538- 2543 ประมาณร้อยละ 1.2 นักท่องเที่ยวจากยุโรปจะพำนักนานกว่าเกณฑ์เฉลี่ยคือประมาณ 13- 14 วันวรองลงมาคือ นักท่องเที่ยวจากเอเชียเนียพักนาน 10-11 วัน นักท่องเที่ยวจากจากอเมริกาและเอเชียใต้ 9- 10 วัน จณะนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกซึ่งอยู่ใกล้กับไทยพำนักประมาณ 5 วันเท่านั้น

          การท่องเที่ยวก่อให้เกิดรายได้แก่ประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 190.8 พันล้านบาทในปี 2538 เพิ่มขึ้นเป็น 285.3 พันล้านบาทในปี 2543 หรือมีอัตราการขยายตัวของรายได้ในรูปเงินบาทในช่วงปี 2538 -2543 ประมาณร้อยลฃะ 8.5 รายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดในรูปเงินบาทนี้ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกมากเป็นอันดับหนึ่ง(เกือบครึ่งหนึ่งของรายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดของไทยในช่วงปี2538-2543)รองลงมาคือ จากยุโรป (ร้อยละ 30 -34) จากอเมริกา เอเชียใต้และโอเชียเนียตามลำดับ

           นักท่องเที่ยวต่างชาคิที่มาเที่ยวไทยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย โดยเป็นผู้เดินทางมาไทยเป็นครั้งแรกมีสัดส่วนใกล้เคียงกับเคยเดินทางมาไทยแล้วนิยมเดินทางมาไทยด้วยตนเองมากกว่าการมากับบริษัทนำเที่ยวจุดประสงค์ในการเดินทางมาไทยคือ เพื่อต้องการพักผ่อน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ทำธุรกิจการค้า และพนักงานของบริษัทและในโรงงาน ตามลำดับ

           จุดแข็งกาท่องเที่ยวไทยคือ ประชาชนคนไทยมีอัธยาศัยไมตรีดีเป็นที่ประทับใจแก่นักท่องเที่ยวการบริการของการท่องเที่ยวคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน แต่ไทยก็มีจุดอ่อนคือ ปัญหาการจราจรแออัดในกรุงเทพฯ ปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลงสาธารณูปโภคมีไม่เพียงพอโดยเฉพาะการกำจัดขยะในเมืองท่องเที่ยวหลัก การขายของอัญมณีและเคร่องประดับปลอมแก่นักท่องเที่ยว การขาดความร่วมมือและการประสานงานระหว่างภาคเอกชนและรัฐ และระหว่างรัฐด้วยกันเอง

             อย่างไรก็ตามไทยมีศักยภาพและโอกาสที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวประเภทการประชุม แสดงงานสินค้าและการท่องเที่ยวที่เป็นรางวัล รวมทั้งการท่องเที่ยวประเภทตรวจสุขภาพ อบสมุนไพร นวดแผนโบราณ และเน้นการท่องเที่ยวเฉพาะตลาดสด เช่น ตลาดนักท่องเที่ยวประเภทดูนกและส่องสัตว์ ตลาดนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ ตลาดนักศึกษา ตลาดนักท่องเที่ยวคู่บ่าวสาวฮันนีมูน เป็นต้น

Downloads