การไม่ยอมรับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนของประชาชนในพื้นที่ดำเนินการและนอกเขตดำเนินการในเขตภาคเหนือตอนบน

Authors

  • เริงชัย ตันสุชาติ อาจารย์ ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์และสหกรณ์การเกษตร คณะธุรกิจการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
  • มนตรี สิงหะวาระ อาจารย์ ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์และสหกรณ์การเกษตร คณะธุรกิจการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
  • วิชัย ตันวัฒนากูล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์และสหกรณ์การเกษตร คณะธุรกิจการเกษตรมหาวิทยาลัยแม่โจ้
  • อารีย์ เชื้อเมืองพาน รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์และสหกรณ์การเกษตร คณะธุรกิจการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้

Abstract

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบถึงปัจจัยที่มีผลต่อการไม่ยอมรับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนผู้ที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินการ และนอกพื้นที่ดำเนินการ เครดิตยูเนี่ยนในจังหวัดภาคเหนือตอนบน และปัญหาการดำเนินงานของสหกรณ์ หรือกลุ่มเครดิตยูเนี่ยน รวมทั้งศึกษาถึงโอกาสขยายการดำเนินงานของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน หรือกลุ่มเครดิตยูเนี่ยนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนบน อันประกอบไปด้วยจังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน ลำปาง แม่ฮ่องสอน ด้วยจำนวนตัวอย่างทั้งหมด 235 ตัวอย่าง โดยการวิเคราะห์ปัจจัยอาศัยแบบจำลอง Logit Model

ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการไม่ยอมรับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนของผู้ที่อยู่ในเขตพื้นที่ดำเนินการของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนได้แก่ (1) การเข้าร่วมเป็นสมาชิก ธ.ก.ส. (2) ความเพียงพอในการกู้ยืมจากธ.ก.ส. (3) การไม่ทราบว่ามีการก่อตั้งสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในหมู่บ้านของตน (4) ความไม่ไว้วางใจประธานและคณะกรรมการการดำเนินงานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน (5) การขาดการประชาสัมพันธ์การจัดตั้งสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ทั่วถึง สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการไม่ยอมรับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนของผู้ที่อยู่นอกพื้นที่ดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนได้แก่ (1) ค่าใช้จ่ายรวมต่อครัวเรือน (บาท/ครัวเรือน/ปี) (2) การมีบัญชีเงินฝากธนาคาร (3) กลัวเงินสูญ (4) ประชาสัมพันธ์การจัดตั้งสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ไม่ทั่วถึง (5) ความคิดเห็นว่าสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเป็นกองทุนชุมชนที่ไม่เหมาะสมที่จะมีการจัดตั้งในหมู่บ้าน สำหรับสัดส่วนของหมู่บ้านที่มีกลุ่ม หรือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนใน 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบนนั้นมีร้อยละ 3.22 ของจำนวนหมู่บ้านในพื้นที่ทั้งหมด และโอกาสขยายการดำเนินงานของเครดิตยูเนี่ยนนั้นให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มีร้อยละ 96.77 ของจำนวนหมู่บ้านในพื้นที่ทั้งหมด

ข้อเสนอแนะ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด ควรมีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพิ่มการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปทราบและรู้จักการดำเนินงานของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เพื่อแก้ปัญหาการขาดความเข้าใจในหลักการดำเนินงานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน นอกจากนี้ควรมีการส่งเจ้าหน้าที่จากชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด เข้าไปติดตามการดำเนินงานของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเป็นระยะเพื่อช่วยเหลือเมื่อสหกรณ์เกิดปัญหา ในส่วนของสมาชิกเองนั้นควรให้ความสำคัญในการเข้าร่วมกิจกรรมของสหกรณ์ เพื่อประโยชน์ของตัวสมาชิกเองและเพื่อพัฒนาสหกรณ์ 

Abstract

            The objectives of this study are to study 1.) the factors which affect the refusal of people, both in the on-going and outside areas of operation, to become the members of the Credit Union Cooperative 2.) the problems on obstacles of the cooperation 3.) the possibility of expanding the work of this Credit Union Cooperation to cover all provinces in the upper northern part i.e. Chiang Rai, Chiang Mai, Phar, Nan, Lanpang and Maehongson The study included 235 samples analyzed by Logit model.

            The result of the study reveals that the factors affection the refusal of the people in on- going area were 1.) being already members of Bank for Agriculture and Agricultural Co-operation (BAAC) 2.) having sufficient loans form BACC 3.) not knowing that credit union was founded on their villages 4.) having question about credits of chairman and committees of Credit Union Cooperative 5.) lacking of advertisement of the foundation of the credit union. As for the refusal of the people outside the operative area, the factors were 1.) having a lot of total household expenditure per year 2.) having saving account in a bank already 3.) being afraid that the money might be lost 4.) lacking of advertisement of the foundation of the credit union 5.) having an attitude that the credit union was not suitable to be set up in a village. Tha ratio of villages having credit union cooperatives in the northern 6 provinces was 3.22% of total villages in all areas. Therefore, there is an opportunity to expand the work of the credit union to cover the rest of 96.77%.

            The suggestion for Credit Union Cooperative and Credit Union League of Thailand are that there should be more outwardly public relations and increasing advertisements so that ordinary people can understand the work of credit union and to prevent the misunderstanding of working principles of credit union. Moreover, staff from credit union should be sent to monitor the working of credit union regularly to help in case there may be some problems. As for the members, they should pat attention on joining the activities of the cooperative for their own benefits and to develop the organization.

Downloads