ความต้องการสินเชื่อและภาระหนี้สินของข้าราชการครู สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ปี พ.ศ.2544

Authors

  • นิตยา คุ้มพงษ์ อาจารย์สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคพายัพ
  • เมรีนา ปลื้มปัญญา รองศาสตราจารย์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคพายัพ
  • มานิตย์ มัลลวงค์ อาจารย์สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคพายัพ

Abstract

บทคัดย่อ

            วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาครั้งนี้คือ เพื่อศึกษาสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ความต้องการสินเชื่อ และภาระหนี้สิน ตลอดจนปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาของข้าราชการครู สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ปี พ.ศ. 2544 ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาได้มาจากการสอบถามข้าราชการครู สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล จำนวน 5 ภาค คือ เหนือ กลาง ใต้ ตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 16 วิทยาเขต/คณะ/สถาบันจำนวน 452 ตัวอย่าง โดยได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ตามระดับรายได้ (ตำแหน่งทางวิชาการ) คือ

            กลุ่มที่ 1 ได้แก่ ครู 1 ครู 2 อาจารย์ 1 ระดับ 3-5

            กลุ่มที่ 2 อาจารย์ 2 ระดับ 6-7

            กลุ่มที่ 3 อาจารย์ 3 ระดับ 8 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์

            และแต่ละกลุ่มได้แบ่งออกตามลักษณะของสินเชื่อเพื่อการบริโภค 3 ประเภทคือ เพื่อการเคหะสงเคราะห์ เพื่อซื้อรถยนต์ เพื่อซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ หรือเพื่อการศึกษา เพื่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งสินเชื่อที่เป็นสถาบันการเงินเท่านั้น

            ผลการศึกษาสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของข้าราชการครูสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พบว่า ข้าราชการครูทั้ง 3 กลุ่ม ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีสถานภาพสมรสมากที่สุด มีการศึกษาอยู่ที่ระดับปริญญาโท มีผู้อยู่ในอุปการะ (รวมบุตร) มากที่สุด จำนวน 2 คน เฉพาะข้าราชการครู กลุ่มที่ 2 เท่านั้นที่มีภาระค่าใช้จ่ายทั้งคนในครอบครัวและนอกครอบครัว

            ผลการศึกษาด้านภาระหนี้สินและปัญหาหนี้สินของข้าราชการครูสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พบว่า พฤติกรรมในการเลือกใช้สินเชื่อส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อเพื่อเคหะมากที่สุด และแหล่งที่มีของสินเชื่อจะเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมากที่สุด ที่เหลือเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล และสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งรวมกันทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 54.20 อีกประมาณร้อยละ 45.80 ได้แก่  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน และสถาบันการเงินอื่นๆ ด้านค่าใช้จ่ายแล้ภาระหนี้สิน ชำระคืนเงินกู้ ส่วนใหญ่จะมีภาระค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคและชำระหนี้คิดมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 61.23 โดยเฉพาะ กลุ่มที่ 1 จะมีภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้มากที่สุด คิดเป็นร้อยละถึง 93.36 ส่วนด้านปัญหาหนี้สินของข้าราชการครู พบว่าข้าราชการครูที่มีปัญหาด้านหนี้สินระดับมาก จะมีปัญหาเรื่องอัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมที่สูง ข้าราชการครูที่มีปัญหาระดับปานกลางถึงน้อยจะมีปัญหาเรื่องความไม่สะดวกที่ได้รับจากการบริการของเจ้าหน้าที่ของแหล่งเงินกู้ และระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ที่สั้นไป ด้านสาเหตุที่สำคัญที่สุด ในการขอกู้ยืมเงิน คือรายได้จากเงินเดือนที่ต่ำไปไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ปัญหาจากการมีหนี้สินมีบ้างเล็กน้อยในเรื่องของการขาดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน

            ผลการวิเคราะห์ ความต้องการสินเชื่อข้าราชการครูได้ศึกษาถึงปัจจัยที่สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงความต้องการสินเชื่อ ผลกระทบเมื่อปัจจัยเหล่านั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงไป และพยากรณ์ปริมาณความต้องการสินเชื่อทั้ง 3 ประเภท ของข้าราชการครูทั้ง 3 กลุ่ม พบว่า

            ฟังก์ชั่นความต้องการสินเชื่อเพื่อการเคหะ กลุ่มที่  1 ตัวแปรอิสระทั้ง 5 ตัว คือราคาบ้าน (Px1) รายได้ผู้กู้ (Y) อัตราดอกเบี้ย (Int) ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ (per) ทรัพย์สินที่มีกรรมสิทธิ์ของผู้กู้ (A) สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงปริมาณความต้องการสินเชื่อหรือตัวแปรตามได้ถึงร้อยละ 99.35 (R2=99.35)

            ทำนองเดียวกันฟังก์ชั่นความต้องการสินเชื่อเพื่อการเคหะ กลุ่มที่ 2 ตัวแปรอิสระทั้ง 5 ตัว ดังกล่าว สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงตัวแปรตามได้ถึงร้อยละ 98 (R2=98.00)

            ฟังก์ชั่น ความต้องการสินเชื่อเพื่อซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ กลุ่มที่ 2 ตัวแปรอิสระ ทั้ง 5 ตัว คือ ราคาเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวก หรือเงินต้นเพื่อการศึกษา เพื่อการท่องเที่ยว (Px2)       รายได้ผู้กู้ (Y) อัตราดอกเบี้ย (Int) ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ (per) ทรัพย์สินที่มีกรรมสิทธิ์ของผู้กู้ (A) สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงปริมาณความต้องการสินเชื่อ หรือตัวแปรตามได้ถึงร้อยละ 94.00 (R2=94.00)

            ฟังก์ชั่นความต้องการสินเชื่อเพื่อการเคหะและเพื่อซื้อรถยนต์ กลุ่มที่ 3 ตัวแปรอิสระทั้งหมดสามารถใช้อธิบายการเปลี่ยนแปลงปริมาณความต้องการสินเชื่อหรือตัวแปรตามได้ถึงร้อยละ 99.00 (R2=99.00)

            ส่วนผลของการเปลี่ยนแปลง ตัวแปรอิสระที่มีผลต่อตัวแปรตามหรือพฤติกรรมในการกู้ยืมเงินของข้าราชการครูทั้ง 3 กลุ่มในสินเชื่อทุกประเภท พบว่าตัวแปรอิสระที่มีความสำคัญมากที่สุด โดยพิจารณาจากค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ของสินเชื่อ ได้แก่ ปัจจัย ราคาบ้าน ราคารถยนต์ ราคาเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวก โดยความยืดหยุ่นของอุปสงค์ของสินเชื่อต่อราคารถยนต์ มีค่ามากกว่า 1 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ของสินเชื่อต่อราคาบ้านและราคาเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกอื่นๆ มีค่าน้อยกว่า  1 ตามลำดับ

            ในส่วนสุดท้าย เป็นการพยากรณ์ความต้องการสินเชื่อของข้าราชการครู ทั้ง 3 กลุ่ม พบว่า กลุ่มที่ 1 มีปริมาณความต้องการสินเชื่อ ทั้ง 3 ประเภท อยู่ระหว่างประมาณ 242,840.88 บาทต่อราย ถึง 601,847.89 บาทต่อราย

            กลุ่มที่ 2 มีปริมาณความต้องการสินเชื่อ ทั้ง 3 ประเภท อยู่ระหว่างประมาณ 301,410.55 บาทต่อราย ถึง 1,029,048.86 บาทต่อราย

            กลุ่มที่ 3 มีปริมาณความต้องการสินเชื่อ ทั้ง 3 ประเภท อยู่ระหว่างประมาณ 475,394.68 บาทต่อราย ถึง 1,060,132.53 บาทต่อราย

Downloads