The Decision to Invest in Savings of Life Insurance Companies in the Working Group in Bangkok
Keywords:
Saving, Life Insurance, Saving Behavior, Life Insurance BehaviorAbstract
การวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกลงทุนการออมของบริษัทประกันชีวิตในกลุ่มคนทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างคือ คนทำงานแล้วในพื้นที่ที่เป็นย่านธุรกิจสำคัญ 400 คน และใช้แบบสอบถามในการรวบรวมข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า ผู้วางแผนการออมโดยทำประกันชีวิตส่วนใหญ่เป็นหญิง อายุระหว่าง 20-30 ปี โสด การศึกษาระดับปริญญาตรี อาชีพพนักงานเอกชน มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 15,000–20,000 บาท ปัจจัยที่มีผลต่อการออมได้แก่ ด้านแรงจูงใจในการออมเงินเพื่อการใช้จ่ายในอนาคต ( = 3.83, SD = 0.712) ป้องกันปัญหาเงินเฟ้อ ( = 3.51, SD = 0.651) การเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ( = 3.39, SD = 0.652) ด้านความคาดหวังที่ได้จากการออมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในอนาคต ( = 4.15, SD = 0.915) การเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน/เงินสดอย่างต่อเนื่อง ( = 3.87, SD = 0.894) ผลตอบแทนรวดเร็ว ( = 3.62, SD = 0.790) ด้านความกังวลที่เกิดจากการออมเงินต่อเรื่องความยากลำบากหลังวัยเกษียณ ( = 3.80, SD = 0.792) ความเสี่ยงในการตัดสินใจออมเงิน ( = 3.52, SD = 0.736) ด้านข้อจำกัดจากการออมเงินด้านเงินทุน ( = 3.66, SD = 0.835), ทักษะด้านการวางแผนทางการเงิน ( = 3.55, SD = 0.711), เวลาในการติดตามสถานการณ์/ข่าวสาร ข้อมูลด้านการออม ( = 3.43, SD = 0.791), ปัจจัยภาระหนี้ ( = 3.41 SD = 0.783) เหตุผลในการตัดสินใจทำประกันชีวิตคือ ต้องการความมั่นคงปลอดภัยสำหรับตนเองและครอบครัว ส่วนใหญ่เลือกทำให้กับตนเองและครอบครัวโดยเลือกแบบประกันชีวิตแบบทยอยจ่ายตามระยะเวลาหรือแบบประกันชีวิตสะสมทรัพย์ และเบี้ยประกันชีวิตอยู่ในระดับ 4,000-20,000 บาทต่อปี และมีทุนประกันชีวิตรวมต่ำกว่า 100,000 บาท เป็นหลัก หากมีระดับรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มีการซื้อประกันชีวิตเพิ่มขึ้น