การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Authors

  • Ammaratchaya chinsri

Keywords:

ารวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงบุกเบิก, ความสามารถในการแก้ปัญหา,

Abstract

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ  มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาองค์ประกอบของความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2   เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้  และเพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบการเรียนรู้   การวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบของความสามารถในการแก้ปัญหา  ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา  ระยะที่ 3  ศึกษาผลการใช้รูปแบบ    โดยนำรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  2   จำนวน 80 คน   โดยแบ่งเป็นกลุ่มควบคุม  จำนวน 40 คน  และกลุ่มทดลอง  จำนวน 40 คน โดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน  การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้  ประกอบด้วย   แผนการจัดการเรียนรู้  คู่มือการจัดการเรียนรู้ และคู่มือนักเรียน  และเครื่องมือประเมินผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย แบบทดสอบวัดสามารถในการแก้ปัญหา แบบสังเกตพฤติกรรม  วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล   ระยะที่ 1 ใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงบุกเบิก    ระยะที่ 2  และระยะที่ 3   สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล  ได้แก่  ค่าเฉลี่ย                      ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวแบบวัดซ้ำ (Repeated Measures One-Way ANOVA)   ผลการวิจัยพบว่า  องค์ประกอบความสามารถในการแก้ปัญหาทั้ง    4  องค์ประกอบมีความเหมาะสมสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์และผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้  เรียกว่า  PAIWAT มี  6  ขั้นตอน ได้แก่ 1) กำหนดปัญหา                    2) วิเคราะห์กิจกรรม  3) จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ  4) ประชุมเชิงปฏิบัติการ  5) การวัดผลประเมินผล  และ                         6) การชื่นชมความสำเร็จ  พบว่า  นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มีความสามารถในการแก้ปัญหาสูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบปกติ  อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05  

References

กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร์. เอกสารประกอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.

กุลธิดา ค้อโนนแดง. (2547). การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี เขต 2. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต. ศึกษาศาสตร์ (การบริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย.

เกรียงศักดิ์ เจริญวงศักดิ์. (2546). การคิดเชิงวิเคราะห์. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพ ฯ: ซัคเซสมีเดีย.

ดวงกมล วงษ์ศรีหัส. (2550). การบริหารจัดการแบบมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของโรงเรียนภาครัฐ. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย.

ทิศนา แขมมณี. (2547). การคิดและการสอนเพื่อพัฒนากระบวนการคิด. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2544). การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ: แนวคิดวิธีและเทคนิคการสอน 1. กรุงเทพฯ: เดอะมาสเตอร์กรุ๊ฟแมนเนจเม้นท์.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2542). ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิด. กรุงเทพฯ : สำนักนายกรัฐมนตรี.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2548). มาตรฐานการศึกษาของชาติ. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.

อารี พันธ์มณี. (2540). ความคิดสร้างสรรค์กับการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : ต้นอ้อแกรมมี่.

Dewey,J. (1963). Eperience and Education. New York: Macmillan Publishing Company.

Gardner , H. (1998). Multiple Intelligence: Theory in Practice. New York : Basic Books.

Matlin, Magaret W. (1992). Psychology. New York Holt, Rinehart and Winston, Inc.

Simon, H. A. (1960). Administrative Behavior. (3rd ed). New York: The free Press.

Downloads

Published

2015-08-30

Issue

Section

บทความวิจัย