การทบทวนและการสร้างกรอบมโนทัศน์ของสุขภาวะทางปัญญาในประชากรไทยวัยทำงาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการศึกษาแนวคิดและองค์ประกอบของสุขภาวะทางปัญญาในคนวัยทำงานของสังคมไทย โดยใช้การวิจัยเอกสาร และใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบปรากฏการณ์วิทยา ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพทางสังคมศาสตร์ มีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยหลักคือ การวิเคราะห์เนื้อหา และการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยสัมภาษณ์กับผู้ให้ข้อมูลที่มีประสบการณ์ด้านสุขภาวะทางปัญญา ทั้งผู้เชี่ยวชาญ และคนวัยทำงาน จำนวน 20 คน จากการคัดเลือกแบบเจาะจง และในการวิเคราะห์เนื้อหาจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลที่ได้ถูกนำมาวิเคราะห์หาคำสำคัญ หาแนวโน้มของความหมาย แล้วนำมาจัดเข้ากลุ่มของความหมายต่างๆ ผลการวิจัยพบว่า กรอบมโนทัศน์ที่เกี่ยวกับสุขภาวะทางปัญญาของคนวัยทำงานในสังคมไทย สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ นิยามความหมาย ตัวบ่งชี้ และปัจจัยเกื้อหนุน โดยสุขภาวะทางปัญญานั้น หมายถึง การเห็นและเข้าใจความจริงตามที่เป็น (Insight) และการสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า (Connectedness) ตัวบ่งชี้ ประกอบด้วย ตัวบ่งชี้เชิงพฤติกรรมและตัวบ่งชี้เชิงจิตใจ ส่วนปัจจัยเกื้อหนุน ได้แก่ ปัจจัยภายนอก (ที่เป็นการฝึกปฏิบัติ / ลงมือกระทำ) และปัจจัยภายใน (ที่เป็นการฝึกปฏิบัติของจิตใจ) นอกจากนั้นยังพบว่า กรอบมโนทัศน์ต่างๆ ที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึกในบุคคล และที่ได้จากการวิจัยเอกสาร ต่างให้แนวโน้มของเนื้อหาไปในทางเดียวกัน ผลการวิจัยทั้งหมดนี้สามารถจะนำไปใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดสุขภาวะทางปัญญา การออกแบบชุดกิจกรรมเชิงประสบการณ์เพื่อช่วยเหลือเยียวยาคนในสังคม รวมถึงการประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนเชิงนโยบายของหน่วยงานที่ทำงานภาคสังคมได้ต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1) เนื้อหาทั้งหมดของบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์การ เจ้าของผลงานมีการคิด ค้นคว้า ทบทวนวิเคราะห์ สรุป เรียบเรียงและอ้างอิงข้อมูลโดยผู้แต่งเอง กองบรรณาธิการไม่มีส่วนร่วมรับผิดชอบ
2) บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ ต้องไม่เคยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารฉบับอื่น หากตรวจพบว่า มีการตีพิมพ์ซ้ำซ้อน ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียวในการละเมิดลิขสิทธิ์
3) ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของวารสารห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากทางกองบรรณาธิการวารสารฯ
เอกสารอ้างอิง
Chongvisal, R. (2021). Organizational psychology (5th ed). Chulalongkorn University Press.
Chongvisal, R., Akakulanan, S., Phumchan, P., Kittipichai, W., Wongpinpech, P., & Suproekchaisakul, N. (2010). The study and construction of instrument and indicators of spiritual health for development. Sodsri Saritwong Foundation.
Chuengsatiensub, K. (2006). Review of spirituality concepts: A philosophical and conceptual analysis. Sodsri Saritwong Foundation.
Chuengsatiensub, K., & Anupongpat, N. (2017). Spiritual health: Spirituality, religion, and humanity. National Health Commission Office.
Dhar, N., Chaturvedi, S. K., & Nandan, D. (2011). Spiritual health scale 2011: Defining and measuring 4th dimension of health. Indian Journal of Community Medicine, 36(4), 275-282. https://doi.org/10.4103/0970-0218.91329
Fisher, J. (2010). Development and application of a Spiritual Well-Being Questionnaire called SHALOM. Religions, 1, 105–121. https://doi.org/10.3390/rel1010105
Mitroff, I. I., & Denton, E. A. (1999). A spiritual audit of corporate America: A hard look at spirituality, religion, and values in the workplace. Jossey-Bass.
Plitpolkarnpim, P. (2009). Nineteen questions to develop spirituality. Sodsri Saritwong Foundation.
Praiyam, A., Tadsri, S., & Sunthornampai, G. (2009). A synthesis of knowledge in
a development of wisdom (spirituality) from narratives regarding success of health care providers and recipients. Sodsri Saritwong Foundation.
Seidl, L. G. (1993). The value of spiritual health. Health progress (Saint Louis, Mo.), 74(7), 48-50.
Wasi, P. (2004). A new approach in public administration. Chulalongkorn University Press.
Wasi, P. (2009). Forming human values and strengthening community well-being. (2nd ed.). QTP.