แนวทางการเลือกที่ตั้งและออกแบบพื้นที่การเรียนรู้แบบใช้พิพิธภัณฑ์เป็นฐาน กรณีศึกษา ย่านพิพิธภัณฑ์นวัตกรรมการเกษตรมหาวิทยาลัยแม่โจ้
DOI:
https://doi.org/10.14456/bei.2025.17คำสำคัญ:
พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต, การเรียนรู้แบบใช้พิพิธภัณฑ์เป็นฐาน, รูปแบบทางกายภาย, การเรียนรู้ตลอดชีวิตบทคัดย่อ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชีวิตที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมและประเทศชาติ ได้ดำเนินงานร่วมกับ อพ.สธ. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลและการกระจายองค์ความรู้ด้านการเกษตรของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สู่ชุมชน ผ่านการนำเสนอ “ฐานการเรียนรู้ย่านพิพิธภัณฑ์นวัตกรรมการเกษตรมหาวิทยาลัยแม่โจ้” โดยได้นำแนวทางการออกแบบพื้นที่การเรียนรู้แบบใช้พิพิธภัณฑ์เป็นฐาน การวิจัยในครั้งนี้ใช้วิธีวิจัยเชิงออกแบบ สำรวจกายภาพพื้นที่ในมหาวิทยาลัย และสังเคราะห์ข้อมูล เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมโดยใช้พิพิธภัณฑ์เป็นฐานให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งาน บริบท และกำหนดรูปแบบกิจกรรมภายในพื้นที่
ผลการวิจัยสรุปว่าการพิจารณาที่ตั้งโครงการขั้นปฐมภูมิ คือคัดเลือกองค์ความรู้ความเป็นเลิศตามยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย 5 ด้าน เชื่อมโยงกับองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยในระดับคณะ ขั้นทุติยภูมิพิจารณาความสัมพันธ์ของพื้นที่เชิงกายภาพ ความเหมาะสมของตำแหน่งที่ตั้งในลักษณะการกระจายตัวของย่านพิพิธภัณฑ์ โดยทางมหาวิทยาลัยได้กำหนดพื้นที่ฐานการเรียนรู้ไว้ดังนี้ 1) พื้นที่เรือนธรรม 2) สวนสัก 3) อาคารแผ่พืช 4) สนามวังซ้าย นอกจากนั้นทางผู้วิจัยได้วิเคราะห์ศักยภาพและคัดเลือกพื้นที่เพิ่มเติมได้แก่ 5) ที่ว่างหน้าอาคารเรียนคณะเทคโนโลยีการประมง 6) แปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ 7) อาคารเก่าฐานเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ เพื่อสร้างเครือข่ายการกระจายพื้นที่ กระจายฐานองค์ความรู้ความเป็นเลิศตามยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย 5 ด้าน และครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขั้นตติยภูมิพิจารณาขอบเขตพื้นที่ และกิจกรรมที่เหมาะสมของฐานการเรียนรู้ เพื่อสรุปเป็นข้อเสนอแนะแนวทางการออกแบบพื้นที่การเรียนรู้แบบใช้พิพิธภัณฑ์เป็นฐาน กรณีศึกษา ย่านพิพิธภัณฑ์นวัตกรรมการเกษตรมหาวิทยาลัยแม่โจ้ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
คณะกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม มหาวิทยาลัยแม่โจ้. (2564). แผนพัฒนาความเป็นเลิศมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พ.ศ. 2566-2570. (ม.ป.ท.). https://planning2.mju.ac.th/goverment/20111119104835_planning/Doc_25641014120517_168460.pdf
คมกฤช จันทร์ขจร. (2551). การพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ]. Central Library, Srinakharinwirot University. https://ir.swu.ac.th/server/api/core/bitstreams/88a78a6c-d78f-4e29-9bc4-00279bdf5903/content
จุฑามาศ แก้วพิจิตร. (2559). การศึกษากระบวนการเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์ เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต. วารสารการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์การ, 8(1), 32-59.
นิตยา สำเร็จผล. (2547). การพัฒนาตัวบ่งชี้การจัดการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ]. Central Library, Srinakharinwirot University. https://hdl.handle.net/20.500.14740/34365
สุมาลี สังข์ศรี. (2544). รายงานการวิจัยการศึกษาตลอดชีวิตเพื่อสังคมไทยในศตวรรษที่ 21. สถาบันเทคโนโลยีการศึกษาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.
Delors, J., Al Mufti, I. A., Amagi, I., Carneiro, R., Chung, F., Geremek, B. et al. (1996). Learning: The Treasure Within. UNESCO.
Knapper, C. K., & Cropley, A. J. (2000). Lifelong Learning in Higher Education. (3rd ed.). Kogan Page.
Piaget, J. (1896). The origins of intelligence in children. University of Michigan.
Santagata, W. (2002). Cultural Districts, Property Rights and Sustainable Economic Growth. International journal of urban and regional research, 26(1), 9-23.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและข้อคิดเห็นของบทความที่ปรากฏในวารสารฉบับนี้เป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
