การวางแผนภาษีในการทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที)
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
งานวิจัยฉบับนี้ เป็นงานศึกษาหลักเกณฑ์และบทบัญญัติของกฎหมายรวมถึงคำพิพากษาศาลฎีกา และหนังสือตอบข้อหารือกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาในธุรกิจไอทีเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการในธุรกิจไอทีมีการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และสามารถประหยัดภาษีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ผลการศึกษาพบว่าการทำสัญญาในธุรกิจไอทีมีภาระภาษีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย , ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา/ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรแสตมป์ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถกำหนดแนวทางในการวางแผนภาษีอากรเพื่อช่วยให้ประหยัดภาษีได้โดยใช้กลยุทธ์การเลือกประเภทของสัญญา, กลยุทธ์การแยกสัญญาหรือแยกราคา และกลยุทธ์การรวมเป็นราคาเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสัญญาแต่ละประเภท และกรณีผู้ประกอบการในธุรกิจไอทีมีการจ่ายเงินได้ค่าลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไปให้ผู้ประกอบการในต่างประเทศซึ่งมิได้มีการประกอบกิจการในประเทศไทย โดยปกติต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 70 เว้นแต่ประเทศที่มีอนุสัญญาภาษีซ้อน (Double Taxation Agreement) กับประเทศไทย ผู้รับเงินได้ค่าลิขสิทธิ์ในต่างประเทศอาจได้รับการปรับลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แล้วแต่กรณี และผู้ประกอบการยังมีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.36 ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 83/6
นอกจากนี้ กรณีผู้ประกอบการไทยไปลงทุนขายเครื่องคอมพิวเตอร์ในประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่าประเทศไทย หรือประเทศที่ไม่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย ผู้ประกอบการไทยควรเลือกไปจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ในต่างประเทศ และใช้สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินปันผลตามหลักเกณฑ์ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2510 มาตรา 5 วีสติ แต่ถ้าผู้ประกอบการไทยไปลงทุนขายเครื่องคอมพิวเตอร์ในประเทศที่มีอัตราภาษีสูงกว่าประเทศไทย และมีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย ควรให้บริษัทไทยเป็นผู้รับเงินได้ และใช้สิทธิประโยชน์จากหลักเกณฑ์ของอนุสัญญาภาษีซ้อน โดยผู้ประกอบการไทยต้องไม่มีสถานประกอบการถาวร(Permanent Establishment หรือ PE) ในประเทศนั้น จึงจะได้รับสิทธิยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีในประเทศนั้น ส่วนกรณีผู้ประกอบการไทยมีรายได้จากการอนุญาตให้ผู้จ่ายเงินได้ในต่างประเทศใช้ลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นประเทศที่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย ผู้ประกอบการไทยมีสิทธิได้รับการปรับลดอัตราภาษีเงินได้ในอัตรา 5-15% ทั้งนี้ตามข้อบทของอนุสัญญาภาษีซ้อนแต่ละฉบับ ส่วนกรณีการรับจ้างเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จะถือเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทใดของผู้ประกอบการไทย ขึ้นอยู่กับว่า ลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นตกเป็นของใคร ถ้าเป็นของผู้ว่าจ้าง ถือเป็นเงินได้จากค่าจ้างทำของ แต่ถ้าเป็นของผู้รับจ้าง ถือเป็นเงินได้จากการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์(Licensing Agreement) นอกจากนี้ กรณีผู้ประกอบการไทยมีการทำสัญญาเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที (Distributorship Agreement) ให้กับผู้ผลิตในต่างประเทศ จะมีประเด็นความแตกต่างในทางภาษีอากรกับกรณีผู้ประกอบการไทยมีการทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอที(Agency Agreement)ให้กับผู้ผลิตในต่างประเทศ
Article Details
เอกสารอ้างอิง
Ernst & Young , The Global Executive 2003,(Ernst & Young Globla Limited,2002).
J.K. Lasser Institute, Your Income Tax 2009,(New Jersey : John Wiley & Sons, Inc,2008).
Pichart Khetrong. (2001).The Principle of Double Taxation Agreement.(2nd Edition). Bangkok. IONIC
P.R.&Publicing Co.Ltd.
Research Division of the Supreme Court.(2004).Supreme Court judgment. http://www.deka.in.th.
Richard L.Doernberg ,International Taxation(8th Edition),(Minesota : Thomson/Reuters, 2009).
Tanapon(Pertpiboon) Kaewsatit.(2009). The International Tax Law and The Principle of Double
Taxation Agreement.(4th Edition) Bangkok.Chuenpim 50 Co.Ltd.
The Revenue Department.(2018). Double Taxation Agreement. 26 June 2018. http://www.rd.go.th
The Revenue Department.(2010).Ruling.26 June 2018.http://www.rd.go.th.
The Revenue Department. (2007).Ruling.26 June 2018.http://www.rd.go.th.
The Revenue Department.(2005).Ruling.20 June 2018.http//www.rd.go.th
The Revenue Department.(2003-2004).Ruling..20 June 2018.http://www.rd.go.th.
The Revenue Department.(2004).Ruling.26 June 2018.http://www.rd.go.th.