การพัฒนากิจกรรมตามแนวคิดโมทีฟโนเทชั่น เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

Main Article Content

ศิญาพร ชมภู่
ธรากร จันทนะสาโร

บทคัดย่อ

    งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมจากแนวคิดโมทีฟโนเทชั่น (Motif Notation) ที่พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดกิจกรรมจากแนวคิดโมทีฟโนเทชั่น เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เป็นการวิจัยเชิงทดลอง โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เกรด 7-9 ในรายวิชาเลือก วิชาโมเดิร์นแดนซ์ โครงการการศึกษานานาชาติ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำนวน 15 คน เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมและแบบสังเกตพฤติกรรมวัดทักษะทางด้านความคิดสร้างสรรค์ โดยจัดกิจกรรมทั้งสิ้น 12 กิจกรรม กิจกรรมละ 60 นาที วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test


    ผลการวิจัยพบว่า 1) การสร้างและออกแบบกิจกรรมจากแนวคิดโมทีฟโนเทชั่น ใช้แนวทางในการออกแบบกิจกรรม โดยมีองค์ประกอบ 4 ด้าน คือ ความคิดริเริ่ม ความคิดคล่องแคล่ว ความคิดยืดหยุ่น และความคิดละเอียดลออ โดยการสังเกตสัญลักษณ์คำศัพท์ตามแนวคิดโมทีฟโนเทชั่น สามารถวัดระดับความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นได้ 2) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้กิจกรรมจากแนวคิดโมทีฟโนเทชั่น พบว่า หลังการใช้กิจกรรมโมทีฟโนเทชั่น มีค่าคะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.01 ซึ่งกิจกรรมสามารถกระตุ้นให้ผู้เรียนพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เสริมทักษะด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย ตลอดจนสามารถสร้างสรรค์ท่าทางของตนเองได้

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ณัฐวรรณ ขนชัยภูมิ. (2546). การเปรียบเทียบผลของการใช้กิจกรรมฝึกประสาทสัมผัสทั้งห้าในการวาดภาพกับการปั้นที่มีต่อความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 2 (ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

ดวงพร พิทักษ์วงศ์. (2546). การสร้างชุดกิจกรรมศิลปะเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สาหรับเด็กปฐมวัย (ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.

พรพิมล เวสสวัสดิ์ และศศิลักษณ์ ขยันกิจ. (2558). ผลของการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะโดยใช้แนวคิดการเต้นเชิงสร้างสรรค์ที่มีต่อ ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กอนุบาล. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา, 10(2), 63-73.

วีณา ประชากูล. (2549). การเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย. วารสารวิชาการ, 9(4), 14-21.

วีรภัทร จินตะไล. (2560). การสร้างกิจกรรมนาฏศิลป์พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดตาลเอน (โศภนชนูปถัมภ์) (ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

ศิริรัตน์ ทะนุก และคณะ. (2563). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ เรื่อง การสร้างหนังสือสามมิติ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน. e-Journal of Education Studies, Burapha University, 2(4), 41-52.

สำนักการบริหารงานมัธยม สพฐ. (2560). แนวทางการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. สืบค้นจาก https://webs.rmutl. ac.th/assets/upload/files/2016/09/201 60908101755_51855.pdf.

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2559). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564. สืบค้นจาก https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=6422.

อารี พันธ์มณี. (2557). ฝึกให้คิดเป็น คิดให้สร้างสรรค์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Gardner, H., Hatch, T., & Torff, B. (1997). A third perspective: The symbol systems approach. In Intelligence, heredity, and environment. New York, NY, US: Cambridge University Press.

Guilford, J. P. (1967). The nature of Human Intelligence. New York: McGraw-Hill.

Hana, U. (2013). Competitive Advantage Achievement through Innovation and Knowledge. Journal of Competitiveness, 5, 82-96.

Heiland, T. (2009). Constructionist Dance Literacy: Unleashing the Potential of Motif Notation. In Y. O. Lynnette & L. Billie (Eds.), Dance: Current Selected Research: A Twenty-Year Retrospective/Focus on Movement Analysis (pp. 27-58). Brooklyn, NY: AMS Press.

Yamamoto, K. (1964). Role of creative thinking and intelligence in high school achievement. Psychological Reports, 14(3), 783-789.