การบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท โรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4

ผู้แต่ง

  • Mr.Phongthon Bongja -

คำสำคัญ:

การบริหารจัดการศึกษา / โครงสร้างซีท / โรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วม

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท โรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท โรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำแนกตาม ตำแหน่ง ประสบการณ์การทำงาน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 154 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว

          ผลการวิจัยพบว่า 1) การบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท โรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 สามารถนำมาอภิปรายผลโดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย ( =4.29) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า อันดับ 1 คือ ด้านนักเรียน (S-Students) ค่าเฉลี่ย( =4.37) รองลงมาคือด้านกิจกรรมการเรียนรู้ (A-Activities) ค่าเฉลี่ย ( =4.33) รองลงมาคือด้านสภาพแวดล้อม      (E-Environment) ค่าเฉลี่ย ( =4.24) และด้านเครื่องมือ (T-Tools) ค่าเฉลี่ย ( =4.22) พบว่าอยู่ที่ระดับมาก2) ผู้บริหารสถานศึกษาและครู ที่มีตำแหน่งและประสบการณ์การทำงานต่างกัน โดยรวม มีความคิดเห็นต่อการบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท โรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อพิจารณาจากตำแหน่งต่างกัน พบว่า ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ (A-Activities) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และเมื่อพิจารณาจากประสบการณ์การทำงานต่างกัน พบว่า ด้านนักเรียน (S – Students) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05

References

กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับพุทธศักราช 2545. กรุงเทพฯ :กระทรวงศึกษาธิการ.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2553. กรุงเทพฯ :กระทรวงศึกษาธิการ.

นางสาวตรีนุช เทียนทอง. (2564). คำแถลงนโยบายการจัดการศึกษา. สืบค้นจาก https://www.obec.go.th/wp- content, สืบค้นเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564.

ชนกภัทราณัฐ ข้าวหอม. (2563). การบริหารจัดการโดยใช้โครงสร้างซีท (SEAT) ของโรงเรียนรวมสำหรับนักเรียนที่ มีความบกพร่องทางการเห็นในเขตพื้นที่ภาคกลาง. วิทยานิพนธ์ ศึกษาสตรมหาบัณฑิต,การบริหารการศึกษา,มหาวิทยาลัย หาดใหญ่.

ธีระพงษ์ พรมกุล. (2558). สภาพการบริหารการจัดการเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท (SEAT) เป็นฐานในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, การบริหารการศึกษา,มหาวิทยาลัยบูรพา.

นภัส เสือสิงห์. (2556). การศึกษาปัญหาการบริหารการจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนแกนนำการจัดการเรียนร่วมตามโครงสร้างซีท (SEAT FRAMEWORK) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม.วิทยานิพนธ์ ศึกษา ศาสตรมหาบัณฑิต,การบริหารการศึกษา,มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.

เบญจา ชลธาร์นนท์. (2544). การศึกษาแบบเรียนรวม. กรุงเทพฯ: เพทายการพิมพ์.

เพ็ญศรี เจริญสุข. (2558). การบริหารโรงเรียนเรียนร่วมภายใต้โครงสร้างซีท ของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล.วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต,การบริหารการศึกษา, มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

สมยศ พวงเกตุแก้ว. (2558). การบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนให้กับเด็กที่มีความต้องการพิเศษเรียนร่วมภายใต้โครงสร้างซีทในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กรุงเทพฯมหานคร.วิทยานิพนธ์ ศึกษาสตรมหา บัณฑิต,การบริหารการศึกษา,มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี.

สุภาวิณี ลุสมบัติ. (2558). การประเมินโครงการโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชรเขต 1.วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต,บริหารการศึกษา, มหาวิทยาลัยราช ภัฏกำแพงเพชร.

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ. (2564). รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. พิมพ์ครั้งที่ 4, กรุงเทพฯ :สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ.

อนุวรรตน์ ช่างหล่อ. (2561). การบริหารการจัดการเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท (SEAT) ของโรงเรียนจัดการเรียน ร่วมสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 1.วิทยานิพนธ์ศึกษาสตรมหาบัณฑิต,การบริหารการศึกษา,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.

Cronbach, Lee. J. (1990). Essentials of psychological testing (5th ed). New York : HarperCollins Publishers. 202-204.

Krejcie, R.V., & D.W. Morgan. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities”.Educational and Psychological Measurement. 30(3) : 607-610.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2022-12-29