การพัฒนากิจกรรมการอ่านตามรูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบสอบเป็นกลุ่มร่วมกับแนวทางการพัฒนาความฉลาดรู้การอ่านเพื่อเสริมสร้างความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย

ผู้แต่ง

  • พีระวัฒน์ วิบูลย์กุล คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • สันติวัฒน์ จันทร์ใด คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำสำคัญ:

กิจกรรมการอ่าน, ความฉลาดรู้การอ่าน, แนวทางการพัฒนาความฉลาดรู้การอ่าน, รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบสอบเป็นกลุ่ม

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการอ่านตามรูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบสอบเป็นกลุ่มร่วมกับแนวทางการพัฒนาความฉลาดรู้การอ่านเพื่อเสริมสร้างความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย 2) เพื่อประเมินความเหมาะสมของกิจกรรมการอ่านที่พัฒนาขึ้น เป็นการวิจัยแบบการวิจัยและพัฒนา ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินกิจกรรมการอ่าน ได้แก่ อาจารย์ผู้สอนระดับอุดมศึกษาและผู้เชี่ยวชาญในแนวคิดพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการสอนภาษาไทย จำนวน 2 คน และศึกษานิเทศก์ด้านการสอนภาษาไทย 1 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินความเหมาะสมของกิจกรรมการอ่านมีลักษณะแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า

  1. กิจกรรมการอ่านพัฒนาขึ้นจากรูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบสอบเป็นกลุ่มร่วมกับแนวทางการพัฒนาความฉลาดรู้การอ่านเพื่อเสริมสร้างความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย กิจกรรมการอ่านเพื่อพัฒนาความฉลาดรู้การอ่านประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ผู้เรียนเผชิญปัญหาหรือสถานการณ์ที่ชวนให้สงสัย 2) ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นต่อปัญหาหรือสถานการณ์นั้น 3) ผู้เรียนร่วมกันวางแผนในการแสวงหาความรู้ 4) ผู้เรียนดำเนินการแสวงหาความรู้ 5) ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลข้อมูล นําเสนอและอภิปรายผล 6) ผู้เรียนกำหนดประเด็นปัญหาที่ต้องการสืบสอบหาคําตอบหากปัญหานั้นยังไม่ได้รับคำตอบ
  2. ผลการประเมินกิจกรรมการอ่านจากผู้ทรงคุณวุฒิพบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (Mean = 4.82, S.D. = 0.32) โดยอาจนำไปใช้เพื่อเสริมสร้างความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายได้

เอกสารอ้างอิง

ดวงกมล สินเพ็ง. (2553). การพัฒนาผู้เรียนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้: การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (พิมพ์ครั้งที่ 2). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ทิศนา แขมมณี. (2566). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรูที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 26). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 9). สุวีริยาสาส์น.

ศูนย์ดำเนินงาน PISA แห่งชาติ. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถด้านการอ่านและแนวทางในการยกระดับความสามารถด้านการอ่านนของผู้เรียนไทย. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.).

สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2568). ค่าสถิติพื้นฐานระดับประเทศของผลการทดสอบ O-NET ชั้น ม.6 จำแนกตามสาระการเรียนรู้. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. สืบค้น 25 มิถุนายน 2568, จาก https://catalog.niets.or.th/dataset/m6/resource/73af67f9-2151-4179-ab03-70de552a5514

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถด้านการอ่านและแนวทางในการยกระดับความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนไทย. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.).

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2565). กรอบการประเมินด้านการอ่าน PISA 2022. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.).

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2566, 6 ธันวาคม). การแถลงข่าวผลการประเมิน PISA 2022. https://pisathailand.ipst.ac.th/news-21

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2567). ชุดพัฒนาความฉลาดรู้ด้านการอ่าน เล่มที่ 2 กรอบแนวคิดและรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความฉลาดรู้ด้านการอ่าน. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.).

สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2562). ทำไมจึงต้องสร้างความฉลาดรู้: ศึกษาจากปรากฏการณและทำนายอนาคต. สำนักธรรมศาสตร์และการเมืองราชบัณฑิตยสภา.

Bamabang, S. (2023). The Effect of group investigation model on reading comprehension and critical thinking skills of grade v elementary school students. Journal of Humanities and Social Sciences Innovation, 3(1), 61-66. https://doi.org/10.35877/454RI.daengku1414

Joyce, B., & Weil, M. (2003). Models of teaching (5th ed.). Prentice-Hall of India.

Mullis, I. V. S. & Martin, M. O. (2019). PIRLS 2021 assessment framework. TIMSS & PIRLS International Study Center. https://pirls2021.org/frameworks/home/reading-assessment-framework/overview/index.html

Nasir, C., Gani, A. S., & Haqqi, D. (2019). Group investigation technique for better reading comprehension skill. Studies in English Language and Education, 6(2), 251-261. https://doi.org/10.24815/siele.v6i2.13619

National Assessment Governing board. (2019). Reading framework for the 2019 National Assessment of Educational progress. The National Assessment of Educational Progress. https://www.nagb.gov/content/dam/nagb/en/documents/publications/frameworks/reading/2019-reading-framework.pdf

Nurlailiah, A., Vonti, H. L., & Rahmah, M. (2022). The Use of group investigation (GI) technique on student's reading comprehension. Journal of English Language Studies, 4(2), 91-99. https://doi.org/10.55215/jetli.v4i2.5923

OECD. (2019). PISA 2018 assessment and analytical framework. OECD Publishing. https://doi.org/10.1787/b25efab8-en

UNESCO. (2025, February 11). What you need to know about literacy. Retrieved July 24, 2025, from https://www.unesco.org/en/literacy/need-know

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-29

รูปแบบการอ้างอิง

วิบูลย์กุล พ., & จันทร์ใด ส. (2025). การพัฒนากิจกรรมการอ่านตามรูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบสอบเป็นกลุ่มร่วมกับแนวทางการพัฒนาความฉลาดรู้การอ่านเพื่อเสริมสร้างความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย. มมร ล้านนาวิชาการ, 14(2), 89–100. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/mbulncjournal/article/view/282743

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย