ความเหมาะสมในการเปิดด่านจุดผ่านแดนถาวรไทย-เมียนมา บ้านห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาความเหมาะสมในการเปิดด่านจุดผ่านแดนถาวรไทย-เมียนมา
บ้านห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน (2) ศึกษาความพึงพอใจ ประโยชน์ และผลกระทบของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการค้าชายแดน และประชาชนในพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-เมียนมา บ้านห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ (3) เสนอแนวทางการพัฒนาในการเปิดด่านจุดผ่านแดนถาวรไทย-เมียนมา บ้านห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอนให้มีความเหมาะสม การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง และการสังเกต การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการบรรยายที่ได้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ สังเกต และจดบันทึก ประมวลผลการวิเคราะห์สรุปแต่ละประเด็น
ผลการวิจัย พบว่า การเปิดด่านจุดผ่านแดนถาวรไทย-เมียนมา บ้านห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีความเหมาะสมในการเปิดเป็นด่านจุดผ่านแดนถาวร 11 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านนโยบายประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ด้านนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ ด้านนโยบายประเทศไทย ด้านบุคลากร ด้านคมนาคมขนส่ง (Logistics) ด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านนโยบายจังหวัดแม่ฮ่องสอน ด้านศิลปวัฒนธรรมและศาสนา ด้านการศึกษาและการติดต่อสื่อสาร และด้านความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนด้านที่ไม่มีเหมาะสมในการเปิดเป็นด่านจุดผ่านแดนถาวร 6 ด้าน ได้แก่ ด้านศุลกากรและภาษี ด้านการเมืองท้องถิ่น ด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว ด้านกายภาพและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านการสาธารณสุข สำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้ประกอบการและประชาชน มีความพึงพอใจในการเปิดด่านจุดผ่านแดนถาวร แต่ควรมีมาตรการที่รัดกุมในการป้องกันโรคตามแนวชายแดน ขบวนการค้ายาเสพติด และการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว