การศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นในการผลิตผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ เพื่อการอนุรักษ์ให้คงอยู่ในวิถีชีวิตของชุมชนบ้านหนองบ่อ จังหวัดอุบลราชธานี

Main Article Content

บุญเจริญ เพ็งแจ่ม
อุไรวรรณ กะนะหาวงศ์

บทคัดย่อ

          บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นและพัฒนาการของกระบวนการผลิตผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ บ้านหนองบ่อ จังหวัดอุบลราชธานี 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนบ้านหนองบ่อ จังหวัดอุบลราชธานี และ 3) ศึกษาแนวทางการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวกับผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ บ้านหนองบ่อ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นปราชญ์ชาวบ้านของกลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองบ่อ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์เชิงลึกและแบบบันทึกการสังเกตอย่างมีส่วนร่วม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา โดยการจำแนกถ้อยคำ หรือข้อความที่กลุ่มตัวอย่างแสดงความคิดเห็น แล้วนำมาตีความ สังเคราะห์ และวิเคราะห์ด้วยหลักแห่งเหตุผล สร้างข้อสรุปแบบอุปนัย อภิปรายถึงข้อเท็จจริงที่ค้นพบตามสภาพการณ์ ปรากฏการณ์ ความสัมพันธ์ และประเด็นสำคัญ เพื่อตอบคำถามการศึกษา


           ผลการวิจัย พบว่า 1) การศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นและพัฒนาการของกระบวนการผลิตผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ บ้านหนองบ่อ จังหวัดอุบลราชธานี แบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ ด้านภูมิปัญญาและด้านด้านพัฒนาการของกระบวนการผลิต ด้านภูมิปัญญาสามารถสรุปได้ทั้งหมด 5 ประเด็นย่อย ดังนี้ ประเด็นที่ 1 ประวัติความเป็นมาของผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ เกิดมาจากการที่ชาวบ้านหนองบ่อมีการทอผ้าไหมใช้เอง เรียกว่า “ผ้าไหมเหยียบ” โดยเรียกตามลักษณะการทอ ที่ต้องมีตะกอทั้งหมด 5 ตะกอ จากนั้นนำไปย้อมมะเกลือ ส่วนมากนิยมย้อมเย็นตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน แล้วค่อยนำมาตัดเป็นเสื้อแขนสั้น แขนยาว มีปกและไม่มีปก และกางเกงขากบ (ปัจจุบันกางเกงขาก๊วย) มีสีดำ เวลาใส่ทำนาก็ไม่เปื้อนง่าย เรียกว่า “เสื้อดำไหม” ปัจจุบันชาวบ้านก็ยังผลิตเสื้อดำไหม และกางเกงขากบ จึงประจักษ์ได้ว่าทุกคนจะใส่ผ้าไหมในทุกโอกาส เพราะคนในชุมชนต่างมีอาชีพทอผ้าไหมนั่นเอง ประเด็นที่ 2 ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนบ้านหนองบ่ออยู่หลายชนิด ได้แก่ ผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ ผ้าห่มขิด ผ้าแพรปลาไหล ผ้าไหมมัดหมี่ลายปราสาทผึ้ง ผ้าไหมลายหัวซิ่นจกดาว และตีนซิ่น ประเด็นที่ 3 เอกลักษณ์และจุดเด่นของผ้าไหม คือ เป็นผ้าทอมือที่เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้านอย่างแท้จริง โดยเริ่มตั้งแต่การปลูกหม่อน การเลี้ยงไหม การสาวไหม การทอผ้าด้วยกี่ทอมือและการย้อมสีธรรมชาติ ผ้ามีลักษณะนุ่ม ทิ้งตัวดี มันวาว หน้าร้อนใส่แล้วไม่ร้อน หน้าหนาวใส่แล้วอบอุ่นดี ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และผู้บริโภค ประเด็นที่ 4 การเลี้ยงไหมของชุมชนบ้านหนองบ่อไม่แตกต่างจากชุมชนอื่น ๆ มากนัก โดยมีระยะเริ่มต้นด้วยการเตรียมใบหม่อน ทำไข่ไหม การผสมพันธุ์ตามธรรมชาติสู่หนอนไหมวัยอ่อน ระยะหนอนไหมวัยอ่อนสู่ระยะหนอนขี้ขน หนอนเข้าจ่อ และการสาวเส้นไหมออกจากรัง ประเด็นที่ 5 ภูมิปัญญาด้านกรรมวิธีการย้อมผ้าไหม นิยมย้อมเย็นและหลังจากการย้อมจะนำมาอบด้วยพืชใบหอมที่มีในชุมชน ได้แก่ ว่านหอม ใบหนาด ขมิ้น เล็บครุฑ และหากต้องการให้ไหมนุ่ม ให้นำไปหมักโคลน ด้านพัฒนาการของกระบวนการผลิต สามารถสรุปได้ 3 ประเด็นย่อย ดังนี้ ประเด็นที่ 1 ด้านพัฒนาการของอุปกรณ์ในการผลิต พบว่า ในปัจจุบันจะใช้ครกดินแทนครกไม้ หม้อถังสแตนเลสแทนหม้อดิน และถังสแตนเลสหรือพลาสติกแทน  คุไม้ (ถังใส่น้ำที่ทำจากไม้) นอกจากนี้ยังมีการใช้วัตถุ สแตนเลสในการทำกี่ทอผ้าซึ่งคุณภาพของผ้าที่ได้จากเครื่องมือในปัจจุบันก็สามารถทอออกมาได้ดีและสวยงามเช่นกัน ประเด็นที่ 2 ด้านการย้อมสี ในอดีตจะใช้สีจากธรรมชาติทั้งหมด ได้แก่ เข ครั่ง คราม เนื่องจากคนสมัยก่อนจะเลี้ยงครั่ง และทำครามเอง แต่ในปัจจุบันนี้ เข ครั่ง คราม มีราคาแพง และหายาก ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้ผลมะเกลือในการย้อมสีดำ รวมทั้งลูกมะเกลือก็ค่อนข้างหายากเช่นกัน จึงทำให้บางครัวเรือนหันมาใช้สีเคมีแทน ประเด็นที่ 3 ด้านความแตกต่างของผ้าไหมลายลูกแก้วของชุมชนบ้านหนองบ่อพบว่ามีการใช้ไม้เหยียบสลับตะกอในการเหยียบทั้งหมด 5 ตะกอ ลายลูกแก้วจะนูนทั้งสองด้าน ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของผ้า ซึ่งมีลวดลายพิเศษต่างจากผ้าธรรมดาจะเป็นลวดลายขนมเปียกปูนเป็นวงซ้อนกันติดต่อกันตลอดทั้งผืนเสมือนกับร่างแห ในขณะที่ชุมชนในจังหวัดอื่น ๆ มีไม้เหยียบสลับตะกอ เพียง 4 ตะกอ ลายลูกแก้วจะนูนด้านหน้าเพียงด้านเดียว และลวดลายขนมเปียกปูนไม่ได้เป็นวงซ้อนต่อกัน 2) ความสัมพันธ์ระหว่างผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน บ้านหนองบ่อ จังหวัดอุบลราชธานี สามารถสรุปได้ 3 ประเด็น ดังต่อไปนี้ ประเด็นที่ 1 ด้านความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนพบว่าคนในชุมชนสมัยก่อนต้องทอผ้าไหมเป็นจะเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้ยังทอผ้าไหมเพื่อเอาไว้ใช้เอง และเพื่อนำไปแลกกับเกลือ ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่ชาวบ้านต่างทอไว้ขาย เพื่อเป็นรายได้ในการเลี้ยงชีพ ประเด็นที่ 2 ด้านความสัมพันธ์ระหว่างคนกับวิถีการดำรงอยู่พบว่าจากการเป็นหมู่บ้านทอผ้าไหม การสวมใส่ในชีวิตประจำวันจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา การสวมใส่จะใช้ในเทศกาลต่าง ๆ หรือแม้แต่กระทั่งการสวมใส่ไปทำไร่ ทำนา เนื่องจากมีความนุ่ม เย็นเบาสบาย นิยมนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อแขนยาวซึ่งจะนุ่งผ้าที่ทอขึ้น และเย็บด้วยมือ โดยผู้ชายจะนุ่งกางเกง ขาสั้นที่ย้อมด้วยคราม เรียกว่า ผ้าจุบคราม ส่วนผู้หญิงจะนุ่งผ้าซิ่น เสื้อจะเป็นเสื้อแขนยาวใช้ผ้าที่ทอขึ้นและเย็บด้วยมือแล้วนำไปย้อมมะเกลือ เรียกว่า “เสื้อดำไหมย้อมมะเกลือ” การตัดเสื้อจะประหยัดที่สุด คือ จะไม่มีเศษผ้า นอกจากที่เป็นคอกลมเท่านั้นที่ต้องคว้านออก นอกนั้นไม่ว่าจะเป็นแผ่นหลังหรือแขนก็ใช้ผ้าสี่เหลี่ยมทั้งสิ้น กระดุมเสื้อในสมัยก่อนจะใช้เหรียญสตางค์หรือเหรียญสลึงโบราณ เจาะรู 2 รู ฟั่นไหมร้อยอย่างสวยงาม ประเด็นที่ 3 ด้านความสัมพันธ์ระหว่างคนกับวัฒนธรรมพบว่าผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือยังได้มีความสัมพันธ์ในการฟ้อนกลองตุ้ม ผู้ฟ้อนจะใส่เสื้อไหมย้อมมะเกลือสีดำเข้ม คนตีกลองตุ้มก็ใส่เสื้อ และกางเกงขากบ ไหมย้อมมะเกลือสีดำเข้ม เช่นกัน นอกจากนี้การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ ยังสะท้อนถึงความรัก และความสามัคคีของคนในท้องถิ่นอีกด้วย 3) การศึกษาแนวทางการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวกับผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ บ้านหนองบ่อ จังหวัดอุบลราชธานี ทางกลุ่มได้อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นนี้ ด้วยการฝึกหัดให้เยาวชนในชุมชนร่วมฝึกหัดฟ้อนรำ การฝึกทอผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ นอกจากนี้ชุมชนต้องการประชาสัมพันธ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวกับผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย โดยต้องการเอกสารข้อมูลที่เป็นการรวบรวมความสำคัญเกี่ยวกับผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ เพื่อเป็นฐานข้อมูล ประกอบแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาชุมชน ให้กับนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจ ดังนั้นจึงมีการจัดทำสมุดเล่มเล็กที่ได้จากผลการวิจัยเพื่อให้ชุมชนได้นำไปใช้ต่อไป

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เพ็งแจ่ม บ., & กะนะหาวงศ์ อ. (2018). การศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นในการผลิตผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ เพื่อการอนุรักษ์ให้คงอยู่ในวิถีชีวิตของชุมชนบ้านหนองบ่อ จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 8(2), 148–159. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/229102
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ทัศนีย์ ทองไชย. (2552). ภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น.

บุญยงค์ เกศเทศ. (2556). วัฒนธรรม. กรุงเทพมหานคร : โอ.เอส.พริ้นติ้งเฮ้าส์.

ประการ คุณารักษ์. (2557). ความสำคัญของภูมิปัญญาชาวบ้าน. กรุงเทพมหานคร : คติชนวิทยา.

ยุพา ทรัพย์อุไรรัตน์. (2557). ภูมิปัญญา. กรุงเทพมหานคร : โอ.เอส.พริ้นติ้งเฮ้าส์.

วรารัตน์ วัฒนชโนบล และคณะ. (2558). รายงานการวิจัยการจัดการความรู้การทอผ้าพื้นบ้านของกลุ่มอาชีพเสริมบ้านสุขเกษม ตำบลบางเลน อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม.นครปฐม : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม.

วิมลพรรณ์ ตั้งจิตเพิ่มความดี. (2553). ประเภทของสื่อ. กรุงเทพมหานคร : สายธาร.