การใช้บทบาทสมมติในการพัฒนาทักษะการฟัง-พูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

Main Article Content

มุทิตา แสนบัว
รองศาสตราจารย์ ดร.ยาใจ พงษ์บริบูรณ์

บทคัดย่อ

           การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนาทักษะการฟัง-การพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  (2)  เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่กำลังเรียนภาคที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนแสนภักดีวิทยา อำเภอศรีบุญเรือง  จังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 26 คน ใช้เวลาในการทดลอง 12 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ จำนวน 6 แผน แบบประเมินทักษะการฟัง-การพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์าก่อนเรียนและหลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษ  สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบแบบ (t-test for dependent sample)


           ผลการวิจัยพบว่า


           1. การพัฒนาทักษะการฟัง-การพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยชิกิจกรรมบทบาทสมมติ นักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ประเมินจำนวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 100


          2. การเปรียบเทียบทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  โดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ คะแนนหลังเรียนจะสูงวกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ  .01

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
แสนบัว ม., & พงษ์บริบูรณ์ ร. ด. (2018). การใช้บทบาทสมมติในการพัฒนาทักษะการฟัง-พูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 8(2), 211–219. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/229117
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). สาระและมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ. กรุงเทพมหานคร : องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

นิรัญ โคตรศรี. (2544). การศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารที่ใช้กิจกรรมบทบาทสมมุติแบบมีลำดับขั้นกับนักเรียนที่มีทักษะการพูดภาษาอังกฤษต่ำ. การศึกษาค้นคว้าอิสระปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น.พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานคร : สุวีริยาสาส์น.

วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2542). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : แอล ที เพรส.

เวียงชัย พิมพ์ศรี. (2547). การพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยบูรณาการหลักการจัดกิจกรรมการหาข้อมูลที่ขาดหายไปกับกิจกรรมบทบาทสมมติ. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี.

สมบูรณ์ ไชยโยชน์. (2544). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษเรื่องทักษะการฟังและการพูดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

สุกัญญา ศิลประสาท. (2544). การพัฒนาความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ. สารนิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.

สุมิตรา อังวัฒนกุล. (2537). วิธีสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุวิทย์ มูลคำและอรทัย มูลคำ. (2543). เรียนรู้สื่อคู่มือครู. กรุงเทพมหานคร : ทีพีพริ้นท์.

อรพิน พจนานนท์. (2537). การสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศในระดับประถมศึกษา. ขอนแก่น : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

Byme, Donn. (1976). Teaching Oral English. Singapore : Longman.