การสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง นำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความผาสุก
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อ 1) ศึกษาแรงจูงใจ 2) แนวทางการสร้างแรงจูงใจ และ 3) รวบรวมข้อเสนอแนะและแนวทางการสร้างแรงจูงใจของประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ในการนำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความผาสุก ซึ่งตั้งสมมติฐานการวิจัยไว้ว่า ประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ที่มีปัจจัยส่วนบุคคลต่างกันมีแรงจูงใจในการนำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความผาสุกแตกต่างกัน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ประชาชนในจังหวัดร้อยเอ็ด ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำนวน 980,633 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 329 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการทดสอบค่าที และการทดสอบความแปรปรวนแบบทางเดียวโดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการวิจัย พบว่า
1.แรงจูงใจของประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ในการนำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความผาสุก โดยรวมทั้ง 5 ข้อ อยู่ในระดับมาก
2. แนวทางการสร้างแรงจูงใจของประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ในการนำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความผาสุก โดยรวมทั้ง 5 ข้อ อยู่ในระดับมาก
3. ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ที่มีเพศ อายุ อาชีพ และการศึกษาต่างกัน มีแรงจูงใจในการนำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความผาสุก โดยรวมทั้ง 5 ข้อ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนแนวทางการสร้างแรงจูงใจของประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ที่มีเพศ และอายุต่างกัน มีแนวทางการสร้างแรงจูงใจในการนำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความผาสุก โดยรวมทั้ง 5 ข้อ ไม่แตกต่างกัน แต่อาชีพ และการศึกษาต่างกัน มีแนวทางการสร้างแรงจูงใจในการนำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความผาสุก โดยรวมทั้ง 5 ข้อ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง มีข้อเสนอแนะและแนวทางการสร้างแรงจูงใจของประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ในการนำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความผาสุก เรียงลำดับตามความถี่จากมากไปหาน้อย ดังนี้ สังคมจะสงบสุขมากขึ้นหากปราศจากการลักทรัพย์ รองลงมา หากต้องการให้คนอื่นมีความจริงใจต่อตนเองแล้วก็ต้องมีความจริงใจต่อเขาด้วยเช่นกัน และน้อยสุด คือ หากไม่มีการฆ่าสัตว์ ทำร้าย รังแกสัตว์ก็จะทำให้จิตใจเบิกบาน
Article Details
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.(ม.ป.ป.). ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559). กรุงเทพมหานคร : สำนักนายกรัฐมนตรี.
สำนักงานจังหวัดขอนแก่น. (ม.ป.ป.). แผนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ร้อยเอ็ด – ขอนแก่น – มหาสารคาม – กาฬสินธุ์ “กลุ่มร้อยแก่นสารสินธุ์”. สำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด “ร้อยแก่นสารสินธุ์” : สำนักงานจังหวัดขอนแก่น.
ปัทมา ผาดจันทึก และคณะ. (2551). พฤติกรรมการปฏิบัติตนตามศีล 5 ในชีวิตประจำวันของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. รายงานการวิจัย. คณะศิลปศาสตร์ : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
วัฒนา วิไลสุทธิวงศ์. (2552). แนวทางการสร้างความผาสุกของบุคลากรเทศบาลเมืองเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
อธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล. (2549). การรักษาตามศีล 5 ของพุทธศาสนิกชนวัยแรงงาน กรณีศึกษาเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารทั่วไป. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยบูรพา.
อมร อำไพรุ่งเรือง.(2554).การศึกษาพฤติกรรมการรักษาและการล่วงละเมิดศีล 5 ของ
พุทธศาสนิกชน กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.