แนวทางการพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเองของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ

Main Article Content

ชนมน สุขวงศ์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการเห็นคุณค่าในตนเองของนักศึกษาคณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ 2) เสนอแนวทางการพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักศึกษาคณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จำนวน 248 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบวัดการเห็นคุณค่าในตนเองจำนวน 30 ข้อ โดยมีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.84 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน


ผลการวิจัยพบว่า 1) การเห็นคุณค่าในตนเองของนักศึกษาคณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษมีระดับการเห็นคุณค่าในตนเองในระดับสูง เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าด้านการยอมรับในความสามารถในแบบของตนมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาได้แก่ด้านการรับรู้ในคุณความดีของตนเองและด้านการได้รับการยอมรับจากผู้อื่นตามลำดับ 2) แนวทางการพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเองของนักศึกษา พบว่าได้แนวทางการพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเองจำนวน 2 แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ 1 พัฒนาโดยใช้ชุดการสอนกิจกรรมแนะแนวในการพัฒนาการเห็นคุณค่าตนเองของนักศึกษาโดยใช้โปรแกรมการให้คำปรึกษาแบบกลุ่มตามทฤษฎีเผชิญความจริงควบคู่กิจกรรมและแนวทางที่สองคือพัฒนาโดยใช้โปรแกรมอบรมการพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเองโดยเน้นกิจกรรมกลุ่มตามทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตน โดยรวมมีความเหมาะสมด้านความเป็นไปได้ของการพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเองของนักศึกษาอยู่ในระดับมากรองลงมาคือด้านการเลือกเนื้อหาทฤษฎีและความเหมาะสมด้านวัตถุประสงค์ตามลำดับ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สุขวงศ์ ช. (2024). แนวทางการพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเองของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 13(2), 542–556. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/276398
ประเภทบทความ
บทความวิจัย
ประวัติผู้แต่ง

ชนมน สุขวงศ์, คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ

educational psychology

เอกสารอ้างอิง

กันต์ ปั้นภู. (2560). ความสัมพันธ์ของการตระหนักรู้คุณค่าในตนเองที่มีต่อเป้าหมายและความ สำเร็จในการเรียนตามหลักอิทธิบาท 4 : กรณีศึกษานิสิตระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาชีวิตและความตาย. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

กุณฑลีพร ศรีจันทร์. (2561). การพัฒนาแบบวัดการเห็นคุณค่าในตนเองสำหรับนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4-6. วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 13(1). 1-14.

จินตนา สรายุทธพิทักษ์. (2561). โปรแกรมสุขภาพในโรงเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ฐิราวัลย์ เส็งพานิช. (2560). รายงานการวิจัยเรื่อง ชุดการสอนกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเองของนักศึกษามหาวิทยาลัยเจ้าพระยาชั้นปีที่ 1. นครสวรรค์ : มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา.

ตวัน ประทุมสุวรรณ และบัวทอง สว่างโสภากุล. (2564). การเห็นคุณค่าในตนเอง ความแข็งแกร่งของจิตใจกับการดูแลตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์สิงหเสนี) 2 กรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมนักวิจัย. 26(1). 308–323.

นงพงา ลิ้มสุวรรณและนิดา ลิ้มสุวรรณ. (2561). ซาเทียร์ จิตบำบัดและการพัฒนาตนเอง. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พิมพ์พลอย รุ่งแสง. (2560). ผลของกลุ่มการปรึกษาเชิงจิตวิทยาต่อการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่ถูกข่มเหงรังแกทางโลกไซเบอร์. วิทยานิพนธ์ศิลปะศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา. บัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2565). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2566 – 2570). กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี.

สุหทัย โตสังวาล. (2564). การเห็นคุณค่าในตนเอง ความแข็งแกร่งในชีวิตและภาวะซึมเศร้าของ นักศึกษาพยาบาลในวิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล. 27(1). 58-74.

อภิวัฒน์ แก่นจำปา. (2560). การเห็นคุณค่าในตนเองของเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนภาคตะวันออก. วิทยานิพนธ์ปริญญาสังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

อัปสรสิริ เอี่ยมประชา และสุดารัตน์ เปรมชื่น. (2560). การพัฒนาชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียน. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี. 6(1). 145-156.

Cast, A. D., & Burke, P. J. (2002). A theory of self-esteem. Social Forces. 80(3). 1041-1068.

Chen, W., Fan, C.-Y., Liu, Q.-X., Zhou, Z.-K., & Xie, X.-C. (2016). Passive social network site use and subjective well-being: A moderated mediation model. Computers in Human Behavior. 64. 507-514.

Curie, C. G., & Arons, B. S. (2020). Building Self-esteem: A Self-Help Guide. Rockville : Substance Abuse and Mental Health Services Administration.

Dolan SL & Arsenault A. (2009). Stress, esteem de soi, santé, travail. Québec, Québec : Les Presses de l'Université du Québec.

Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement. 30(3). 607-610.

Maslow, A. (1970). Motivation and personality. 2nd ed. New York : Harper and Row.

Trzesniewski, K. H., Donnellan, M. B., Moffitt, T. E., Robins, R. W., Poulton, R., & Caspi, A. (2006). Low self- esteem during adolescence predicts poor health, criminal behavior, and limited economic prospects during adulthood. Developmental psychology. 42(2). 381-390.

World Health Organization. (2011). Life skill Education in schools. Geneva : World Health Organization.