ฟ้อนบวงสรวง : ศรัทธาคติ นาฏกรรมประดิษฐ์ และการสร้างพลังอำนาจเบา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัย ฟ้อนบวงสรวง : ศรัทธาคติ นาฏกรรมประดิษฐ์ และการสร้างพลังอำนาจเบา มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการคติความเชื่อและการสร้างพลังอำนาจเบาในการฟ้อนบวงสรวง 2) เพื่อศึกษารูปแบบของนาฏกรรมประดิษฐ์ในการฟ้อนบวงสรวง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยวิธีการศึกษาจากเอกสารและเก็บข้อมูลภาคสนามโดยการสังเกตและสัมภาษณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสังเกต และแบบสัมภาษณ์ จากกลุ่มผู้รู้ จำนวน 3 คน กลุ่มผู้ปฏิบัติ จำนวน 20 คน และกลุ่มบุคคลทั่วไป 20 คน แล้วนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีพรรณนาวิเคราะห์
ผลการวิจัยพบว่า ฟ้อนบวงสรวงเป็นนาฏกรรมประดิษฐ์ที่ถูกประกอบสร้างขึ้นเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารโดยการใช้ร่างกาย สีหน้าและคำพูด น้ำเสียงที่ผ่านการปริวัตร การประพันธ์ให้เกิดวรรณศิลป์ที่เกิดสุนทรียะในการรับฟัง เพื่อแสดงความคิด ความรู้สึก และความต้องการของผู้แสดงที่สวมบทบาทในพื้นที่นั้น ๆ ที่กำหนดรูปแบบของการแสดง ทั้งแบบสามัญจนไปถึงวิจิตรเนื้อหา มีทั้งสมจริง และจินตนาการขึ้นมีสาระสำคัญ ฟ้อนบวงสรวงได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างบุคคล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสังคม โดยการสื่อสารตามความเชื่อและพิธีกรรมนั้น ๆ ฟ้อนบวงสรวงมีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นรากฐานที่เป็นทุนทางวัฒนธรรมกลายเป็น Soft Power อันเป็นที่ที่รู้จักและได้รับการชื่นชมจากคนทั่วโลก เมื่อผนวกกับพลังและศักยภาพอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย ที่ประกอบด้วยศิลปินไทยที่มีความสามารถ ทีมงานบุคลากรเบื้องหลังที่มีทักษะและเชี่ยวชาญ และการสนับสนุนของภาครัฐ จะเป็นการสร้างโอกาสและผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์นำรายได้เข้าประเทศและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ฟ้อนบวงสรวงยังเป็นการสร้างพลังอำนาจเบาที่ขับเคลื่อนให้เกิดการแพร่กระจายวัฒนธรรมให้เกิดเป็นการทำซ้ำและสร้างวัฒนธรรมให้เกิดเป็นประเพณีในทั่วทุกบริบทพื้นที่ของชุมชน และยังสามารถสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนหลายกลุ่มที่มีความแตกต่างกันทั้งเชื้อชาติ อาชีพ และสถานะทางสังคมให้มาแสดงออกถึงความศรัทธา โดยมี “นาฏกรรม” เป็นพลังในการขับเคลื่อน ต้องการของตนเอง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กิจติพงษ์ ประชาชิต. (2554). วัฒนธรรมอีสานในสื่อพื้นบ้าน. วารสารวิชาการ AJNU ศิลปะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร. 2(1). 74-86.
ชัชวาลย์ วงษ์ประเสริฐ (2532). ศิลปะการฟ้อนอีสาน. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมหาสารคาม.
ธนกร วังบุญคงชนะ. (2565). สร้าง Soft Power. สืบค้นเมื่อ 28 เมษายน 2565. https://www.matichon.co.th/article/news_3310760
ธวัช ปุณโณทก. (2526). ความเชื่อพื้นบ้านอันสัมพันธ์กับวิถีชีวิตในสังคมอีสาน ใน วัฒนธรรมพื้นบ้าน : คติความเชื่อ,ศิลปกรรมและภาษา. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พรสวรรค์ พรดอนก่อ ผู้ให้สัมภาษณ์. 19 เมษายน 2565. ณ วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์.
มณิศา วศินารมณ์. (2562). นาฏกรรมกับการปกครอง. วารสารสถาบันพระปกเกล้า. 17(1). 118-134.
มนัสวี ศรีราชเลา. (2556). รูปแบบการอนุรักษ์และสืบสานการรำบวงสรวงในโบราณสถานอีสานใต้. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวัฒนธรรมศาสตร์. คณะวัฒธรรมศาสตร์ : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ยศ สันตสมบัติ. (2559). มนุษย์กับวัฒนธรรม. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สมชาย นิลอาธิ ผู้ให้สัมภาษณ์. 14 กุมภาพันธ์ 2565. ณ คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม.
Levy David. (2000). Applications and Limitations of Complexity Theory in Organization Theory and Strategy. Joachim : KieferleErwin Herzberger.
Lewis Herbert S. (2013). Theory of Social and Cultural Anthropology : Encyclopedia. Thousand Oaks. California : SAGE Publications.