ต้นทุนการเลี้ยงดูบุตร (อายุ 0-14 ปี) ในประเทศไทย
คำสำคัญ:
ต้นทุนการเลี้ยงดูบุตร รายจ่ายเพื่อการบริโภค ประชากรเด็ก ความเหลื่อมล้ำ ประเทศไทยบทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินต้นทุนการเลี้ยงดูบุตร อายุ 0-14 ปี ในประเทศไทย และเพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างของต้นทุนในการเลี้ยงดูบุตรตามเศรษฐานะของครัวเรือน ต้นทุนการเลี้ยงดูบุตรในที่นี้คำนวณจากระดับรายจ่ายเพื่อการบริโภคต่อหัวประชากรรายอายุ รวมในช่วงอายุ 0-14 ปี ของประชากรไทยซึ่งได้จากการศึกษาบัญชีกระแสการโอนประชาชาติ ปี 2560 โดยประกอบด้วย รายจ่ายเพื่อการบริโภคภาครัฐ ซึ่งคิดเป็นการอุดหนุนการเลี้ยงดูบุตรจากภาครัฐแก่ครัวเรือน และรายจ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือน โดยรายจ่ายทั้งสองส่วน จำแนกออกเป็นด้านการศึกษา ด้านสุขภาพและด้านอื่นๆ ผลจากการศึกษา พบว่า ต้นทุนการเลี้ยงดูบุตร 1 คน มีค่าใช้จ่ายเป็นมูลค่าที่แท้จริงรวม 1.57 ล้านบาท เกือบครึ่งเป็นรายจ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนและอีกครึ่งเป็นรายจ่ายเพื่อการบริโภคภาครัฐ รายจ่ายด้านการศึกษาคิดเป็นประมาณร้อยละ 32 ของต้นทุนทั้งหมด (เอกชน:รัฐ คิดเป็น 28:4) ด้านสุขภาพ ร้อยละ 7 (เอกชน:รัฐ คิดเป็น 4:3) และด้านอื่นๆ ร้อยละ 61 (เอกชน:รัฐ คิดเป็น 41:20) เมื่อวิเคราะห์ตามระดับเศรษฐานะของครัวเรือน พบว่า ต้นทุนการเลี้ยงดูบุตรในครัวเรือน 20% รวยที่สุด (Q5) คิดเป็น 2.5 เท่าของต้นทุนการเลี้ยงดูบุตรในครัวเรือน 20% จนที่สุด (Q1) สัดส่วนความแตกต่างของรายจ่ายเพื่อการบริโภคของบุตรในครัวเรือน Q5 ต่อ ครัวเรือน Q1 (Q5/Q1) ภาคเอกชนด้านการศึกษา คิดเป็น 35 เท่า ภาคเอกชนด้านสุขภาพ 14 เท่า ภาครัฐด้านการศึกษา 0.56 เท่า ภาครัฐด้านสุขภาพ 2.07 เท่า วิเคราะห์ด้วยค่าดัชนีคัควานี พบว่า ภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในการเลี้ยงดูบุตรมีลักษณะเป็นอัตราก้าวหน้าตามระดับเศรษฐานะของครัวเรือน ขณะที่ การอุดหนุนการเลี้ยงดูบุตรจากภาครัฐแก่ครัวเรือนมีลักษณะเป็นอัตราถดถอยซึ่งสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างครัวเรือนที่มีระดับเศรษฐานะแตกต่างกันได้
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
All opinions and contents in the CMJE are the responsibility of the author(s). Chiang Mai University Journal of Economics reserves the copyright for all published materials. Papers may not be reproduced in any form without the written permission from Chiang Mai University Journal of Economics.
ข้อคิดเห็นที่ปรากฏและแสดงในเนื้อหาบทความต่างๆในวารสารเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถือเป็นความเห็นและความรับผิดชอบโดยตรงของผู้เขียนบทความนั้นๆ มิใช่เป็นความเห็นและความรับผิดชอบใดๆของวารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
บทความ เนื้อหา และข้อมูล ฯลฯ ในวารสารเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จากวารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่