การใช้สระพินอิน –ia และ –ie ของนักเรียนไทยสาขาภาษาจีน สำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
คำสำคัญ:
นักเรียนไทย, ia, ie, การใช้คำผิดบทคัดย่อ
ขณะนี้การเรียนภาษาจีนในประเทศไทยได้รับความสนใจและมีความสำคัญพอ ๆ กับภาษาอังกฤษ ดังนั้นการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีน จึงเป็นอีกเรื่องที่มีสำคัญ และในปัจจุบันนี้ยังมีปัญหาที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาจีนอีกหลายด้าน ที่ไม่ได้ยังไม่ได้ทำการพัฒนาและศึกษา ด้านการฟังและออกเสียงก็เป็นปัญหาอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจ ดังนั้นในบทความนี้ผู้เขียนจึงเลือกทำการศึกษาวิจัยในด้านนี้ เสียงในภาษาจีนที่นักเรียนไทยออกเสียงผิดพลาดมีค่อนข้างเยอะ จากงานวิจัยของ Cao Wen's (2012) “Thai students' errors in Chinese phonetics” พบว่านักเรียนไทยมักจะออกเสียงพยัญชนะดังต่อไปนี้ผิดพลาด ได้แก่ k , h , j , q , x , z , c , zh , ch , sh and r. ส่วนเสียงสระที่ออกผิดพลาดบ่อยได้แก่ o , e , ǜ , -I , -ï , ao , ei , ie , ua , uo , iu , ui , ian , ǜǜn , un , -ng and er ดังนั้นผู้เขียนจึงเลือกทำการวิจัยเสียงสระ ia และ ie เนื่องจากเสียงสระ 2 เสียงนี้ ออกเสียงค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นปัญหาให้นักเรียนเกิดความสับสนและความผิดพลาดในการออกเสียง บทความวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาวิจัย ถึงสาเหตุการออกเสียงที่ผิดพลาดของเสียงสระ ia และ ie ว่ามีสาเหตุจากการฟังที่ไม่สามารถแยกความต่างของเสียงสระสองเสียงนี้ได้ใช่หรือไม่ โดยผู้เขียนได้ทำการทดสอบการฟัง กับกลุ่มตัวอย่างนักศึกษา สาขาภาษาจีน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ชั้นปีที่ 1 จำนวน 83 คน โดยใช้แบบทดสอบจำนวน 14 ข้อ ให้นักเรียนฟัง แล้วทำการวงกลม เสียงคำที่ได้ยิน ว่าเป็นเสียงสระ ia หรือ ie ผลทดสอบพบว่านักเรียนทุกคนสอบผ่านแบบทดสอบ และนักเรียนทั้งหมดได้คะแนนเกินครึ่ง นักเรียนสามารถฟังและแยกเสียง ia และ ie ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นปัญหาการออกเสียงที่สับสนและผิดพลาด จึงไม่ได้เกิดจากการฟัง แต่เกิดจากการพูดเสียงสระที่ไม่คุ้นเคยและไม่มีในภาษาไทย ภาษาไทยไม่มีเสียงสระ ie มีเพียง ia ที่ใกล้เคียงกับ “สระเอีย” ดังนั้นนักเรียนใช้จึง “ie” แทน “ia” ดังนั้นวิธีแก้ไขการออกเสียงคือ เมื่อออกเสียง ia ให้ทำปากกลม ๆ กว้าง ๆ เป็นตัว o และเมื่อออกเสียง ie ให้ออกเสียงเหมือนตัวเองกำลังยิ้มมุมปากกว้างๆ ก็จะช่วยลดความสับสนและความผิดพลาดในการออกเสียงได้ในระดับหนึ่ง