การศึกษาความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการฝึก ประสบการณ์วิชาชีพของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

Main Article Content

เมษธิดา วงศ์ทางสวัสดิ์

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการฝึกประสบการณ์วิชาชีพของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย 2) เพื่อได้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้คือสถานประกอบการ นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพชั้นปีที่ 4 และอาจารย์ผู้สอนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แบบประเมินความพึงพอใจและการสัมภาษณ์ ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลโดยกรอบทฤษฎีภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะและการวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น
ผลการศึกษาพบว่า ควรมีการเสริมสร้างและพัฒนาความมั่นใจ ความกล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจ และความเป็นผู้นำให้กับนักศึกษาให้พร้อมก่อนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ในด้านทักษะภาษาอังกฤษด้านการฟังและการพูดมีความจำเป็นมากที่สุดในสถานประกอบการ ส่วนการพัฒนาหลักสูตรควรเชิญตัวแทนจากหน่วยงานในด้านต่าง ๆ ตัวแทนศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันในหลักสูตรมาให้คำแนะนำในการออกแบบหลักสูตรเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ควรจัดการเรียนการสอนที่เน้นการปฏิบัติและเอื้อต่อการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพ รวมไปถึงควรลดกิจกรรมอื่น ๆ ที่เบียดบังเวลาเรียนของนักศึกษาลง

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เมษธิดา วงศ์ทางสวัสดิ์. (2022). การศึกษาความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการฝึก ประสบการณ์วิชาชีพของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. วารสารฟ้าเหนือ, 13(1), 77–96. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/FaNJ/article/view/259410
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ญาดา ชวาลกุล, นภกมล ชะนะ, และ ลัทธพร จันทองหลาง. (2561). ความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของมหาบัณฑิตหลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม.วารสารวิชาการ ศิลปะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 9(1), 168-176.

ทัตทริยา เรือนคำ และ ยุทธศักดิ์ ชื่นใจชน. (2559). การสำรวจการรับรู้การเรียนภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะของวิทยาลัยพณิชยการบึงพระพิษณุโลก. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง, 5(2), 77-94.

อลิษา วิชัยดิษฐ์. (2557). การวิเคราะห์ความต้องการทางด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษด้วยวาจาของมัคคุเทศก์ชาวไทย [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, ไม่ได้ตีพิมพ์]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Basturkmen, H. (2010). Developing Courses in English for Specific Purposes. Palgrave Macmillan.

Dudley-Evans, T., and St John, M. (1998). Developments in ESP: A Multi- Disciplinary Approach. Cambridge University Press.

Grant J. (2002). Learning needs assessment: assessing the need. BMJ, 324(7330), 156-159. https://doi.org/10.1136/bmj.324.7330.156 https://doi.org/10.1002/ev.20100

Hutchinson, T. and Waters, A. (1989). English for Specific Purposes. Cambridge University Press.

Khalid, A. (2016). Needs Assessment in ESP: A Review. CS Canada Studies in Literature and language, 12(6), 38-46. http://dx.doi.org/10.3968/8161

Mackay, R. and Mountford, A. (1978). English for Specific Purposes: A case Study Approach. Longman.

Munby, J. (1978). Communicative Syllabus Design. Cambridge University Press.

Nunan, D. (1999). Second language teaching & learning. Heinle & Heinle Publishers.

Richards, J. Needs analysis. (2001). Curriculum Development in Language Teaching. Cambridge University Press.

Robinson, P. (1991). ESP today. Prentice Hall International ltd.

Watkins, R., and Kavale, J. (2014). Needs: Defining what you are assessing. New Directions for Evaluation, 2014(144), 19-31.