ความคาดหวังต่อการเรียนภาษาอังกฤษของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

Main Article Content

สิริกันยา ดาวิไล
มณี จำปาแพง
น่านฟ้า จันทะพรม
วราภรณ์ ศรีนาราช

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคาดหวังต่อการเรียนภาษาอังกฤษของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ จำนวนทั้งสิ้น 103 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถามความคาดหวังต่อการเรียนภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย 6 ด้าน คือ 1) ด้านทักษะภาษาอังกฤษของตนเอง 2) ด้านเนื้อหาที่เรียน 3) ด้านรูปแบบการสอน 4) ด้านกระบวนการสอน 5) ด้านสื่อการสอนในชั้นเรียน และ 6) ด้านการประเมินผล ผลการวิจัยพบว่าค่าเฉลี่ยรวมความคาดหวังต่อการเรียนภาษาอังกฤษทั้ง 6 ด้านค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 3.89 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่านักศึกษาคาดหวังด้านรูปแบบการสอนในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.24 รองลงมาคือความคาดหวังด้านทักษะภาษาอังกฤษของตนเองในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.08 ส่วนความคาดหวังต่ำสุดคือความคาดหวังในการประเมินผล มีค่าเฉลี่ย 3.47 ดังนั้นผู้สอนควรให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การสอนที่สนุกและน่าสนใจพร้อมกับการพัฒนาภาษาอังกฤษของนักศึกษาโดยตรงและชัดเจนด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของนักศึกษา

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ดาวิไล ส. ., จำปาแพง ม. ., จันทะพรม น. ., & ศรีนาราช ว. . (2024). ความคาดหวังต่อการเรียนภาษาอังกฤษของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. วารสารฟ้าเหนือ, 15(1), 97–116. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/FaNJ/article/view/272523
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กัญญารัตน์ เอี่ยมวันทอง. (2565). การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ สำหรับนักศึกษาในศตวรรษที่ 21 กรณีศึกษานักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล คณะศิลปศาสตร์. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 6(1), 214-225.

จิรารัตน์ ประยูรวงษ์. (2562). Digital Learning การเรียนรู้ภาษาอังกฤษบนโลกดิจิทัลในศตวรรษที่ 21. วารสารบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์, 13(1), 210-223.

ชัยวัฒน์ แก้วพันงาม. (2559). เทคโนโลยีเพื่อการประเมินการเรียนรู้ภาษาสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. Veridian E-Journal, Silpakorn University (Humanities, Social Sciences and arts), 9(3), 436-452.

ญาณิศา สู่ทรงดี, วิโรจน์ ทองปลิว, จงกิจ วงษ์พินิจ, ทองพูล ขุมคำ, และศิรประภา รัตนรวมการ. (2566). การจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแห่งศตวรรษที่ 21. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, 25(1), 273-292.

ปัณฑ์นพ ผจญทรพรรค, ณัฐวุฒิ โพธิ์ทักษิณ, และ นรินทร์ มุกมณี. (2564). ปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทย. วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์, 6(3), 911-920.

วิชัย พัวรุ่งโรจน์, ภัทร์พงศ์ พงศ์ภัทรกานต์, และ สุชาดา พรหมโคตร. (2560). แนวโน้มวิธีการเรียนการสอนยุคใหม่ด้วย เครื่องมือประเมินผลระหว่างเรียนออนไลน์. Walailak Journal of Learning Innovations. 3(2), 45-68.

สมบัติ ท้ายเรือคำ. (2557). การวิจัยและพัฒนา: วิธีการวิจัยเพื่อพัฒนางานวิจัย. Journal of Research and Development Institute Rajabhat Maha Sarakham University, 1(1), 2-11.

Boster, F. J., & Johnson, K. M. (2019). Expectancy violation theory. In Encyclopedia of communication theory (Second Edition), 399-405.

Hancock, J. T., McDaniel, B. T., & Thomas, R. L. (2019). Social perception of artificial intelligence technologies: A critical review. Human-Computer Interaction, 34(4), 336-372.

Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and psychological measurement, 30(3), 607-610.

Oeamoum, N., & Sriwichai, C. (2020). Problems and Needs in English Language Teaching from the Viewpoints of Preservice English Teachers in Thailand.Asian Journal of Education and Training, 6(4), 592-601.

Osgood, C. E., & McGuire, W. J. (1981). The communication-persuasion model. In M. E. Roloff & G. R. Miller (Eds.), Interpersonal processes: Interpersonal communication (pp. 40-77). Sage Publications.

Phỉ, T. T., Thơ, V. Đ., Thành, N. L. H., Khanh, H. Đ. P., & Khanh, P. T. (2016). Application of Quizlet. Com to teaching and learning business English vocabulary at the University of Economics ho chi Minh City. In Proceedings of the First International Conference on Language Development (pp. 230-238).