อิทธิพลของคะแนนการกำกับดูแลกิจการที่มีผลต่อราคาหลักทรัพย์และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บทคัดย่อ

          การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์1.เพื่อสํารวจคะแนนการกํากับดูแลกิจการกับมูลค่าธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและ 2. ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนการกํากับดูแลกิจการกับราคาหลักทรัพย์และความสามารถ ในการทํากําไรโดยใช้วิธีการวิเคราะห์ สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Correlation Analysis)การทดสอบสมมติฐาน การวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่าย ขอบเขตในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ศึกษาผลการดําเนินงานของบริษัทที่มีผลการดําเนินงานเป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2560 ถึงพ.ศ. 2564 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาจํานวน 413 บริษัท

          ผลการศึกษาพบว่าโดยความสัมพันธ์ระหว่างระดับคะแนนการกํากับดูแลกิจการกับราคาหลักทรัพย์และความสามารถในการทํากําไร ได้แก่ กําไรสุทธิ และกําไรต่อหุ้นการวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมานโดยใช้การวิเคราะห์สมการถดถอยแบบพหุคูณ สามารถสรุปได้ว่า คะแนนการกํากับดูแลกิจการที่ระดับ 5 คะแนน มีอิทธิพลเชิงลบต่อราคาหลักทรัพย์และกําไรต่อหุ้น แต่คะแนนการกํากับดูแลที่ระดับ 5 คะแนน ไม่มีอิทธิพลต่อกําไรสุทธิ เช่นเดียวกับคะแนนการกํากับดูแลกิจการที่ระดับ 4 คะแนน มีอิทธิพลเชิงบวกต่อราคาหลักทรัพย์ และกําไรต่อหุ้น แต่คะแนนการกํากับดูแลที่ระดับ 4 คะแนน ไม่มีอิทธิพลต่อกําไรสุทธิ และคะแนนการกํากับดูแลกิจการที่ระดับ 3 คะแนน ไม่มีอิทธิพลต่อราคาหลักทรัพย์ กําไรสุทธิ และกําไรต่อหุ้น ดังนั้นคะแนนการกํากับดูแลกิจการแต่ละระดับสามารถนํามาใช้ประเมินความเสี่ยงของหลักทรัพย์ได้ ผู้บริหารบริษัทสามารถนําผลการศึกษาไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงการกํากับดูแลกิจการ เพื่อผลประกอบการที่ดีในระยะยาว และนักลงทุนสามารถนําไปใช้ประโยชน์ในการประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ