ข้อมูลสำหรับผู้แต่ง

เรียน ผู้แต่ง ท่านที่ส่งบทความ เมื่อวารสารได้รับบทความของท่านแล้ว และจะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณา มีกระบวนการ ดังนี้ 

1. การพิจารณาบทความของวารสาร (Peer Review) ด้วยผู้ทรงคุณวุฒิของวารสาร จำนวน 3 ท่าน วารสารจะถือมติ เสียงข้างมากของผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ถือเป็นที่สิ้นสุด

2. หากผ่านการพิจารณาบทความ ของวารสารแล้ว ท่านต้องลงนามในใบยินยอมตีพิมพ์ และรับทราบเงื่อนไขของการตีพิมพ์ในวารสาร

3. วารสารขอแจ้งให้ทราบว่ากระบวนการพิจารณาบทความ ใช้เวลาขั้นต่ำ จำนวน 2 เดือน เพื่อการพิจารณาอย่างรอบคอบ และครบถ้วนทางวิชาการ

6. วารสารขอแจ้งให้ทราบว่า หากท่านได้ตอบรับการตีพิมพ์แล้ว แต่ท่าน ขอถอนบทความ รายชื่อของท่านจะถูกติดบัญชีดำ (Black list) สำหรับการเสนอบทความเข้าพิจารณาตีพิมพ์ของวารสาร เป็นระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติขอให้ถอนบทความจากบรรณธิการ

7. หากพบการกระทำที่เป็นการกระทำที่ขัดต่อจรรยาบรรณทางวิชาการ ตาม ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2564  ข้อ 5.1.5 หน้า 26 เล่ม 139 ตอนพิเศษ 4 ง ราชกิจจานุเบกษา 7 มกราคม 2565 รายชื่อของท่านจะถูกติดบัญชีดำ (Black list) สำหรับการเสนอบทความเข้าพิจารณาตีพิมพ์ของวารสาร เป็นระยะเวลา 3 ปี นับแแต่วันที่ตรวจพบจากกองบรรณธิการ 

8. ผู้สนใจส่งบทความจะต้องจ่ายค่าดำเนินการจัดพิมพ์บทความผู้ทรงคุณวุฒิอ่านผลงาน บทความภาษาไทย บทความละ 4,000 บาท บทความภาษาอังกฤษ  บทความละ 5,500 บาท ตามประกาศมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรื่อง กำหนดอัตราค่าดำเนินการจัดพิมพ์บทความในวารสารศิลปศาสตร์และะอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565   

9. การสั่งการของบรรณาธิการวารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ ถือเป็นที่สิ้นสุด

กองบรรณาธิการวารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ

(Journal of Liberal Arts and Service Industry)

 

รูปแบบการนำเสนอบทความสำหรับวารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ

เงื่อนไขการรับบทความ

    1.  ผู้แต่งและต้องการตีพิมพ์ต้นฉบับจะต้องพิมพ์ตามรูปแบบและขนาดตัวอักษรตามรูปแบบ (Template) ที่กำหนดไว้ และการอ้างอิงตามรูปแบบ APA 7th Edition ซึ่งสามารถดาวน์โหลดตามรูปแบบผลงานที่ต้องการตีพิมพ์ตามรายละเอียดด้านล่าง ซึ่งวารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ จะรับพิจารณา ท่านที่ส่ง ต้นฉบับ (Manuscript) เป็นไฟล์ Word หรือ .doc .docx เพียงเท่านั้น 

      - แบบฟอร์ม บทความภาษาไทย ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม

      - แบบฟอร์ม บทความภาษาอังกฤษ ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม

      - การอ้างอิง APA 7th Edition ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
    2. ผู้แต่งและผู้ส่งต้นฉบับเพื่อตีพิมพ์จะต้องรับรองว่าไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์ใดมาก่อน ยกเว้นรายงานการวิจัยวิทยานิพนธ์ที่ไม่ใช่การคัดลอกผลงาน รวมถึงไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณารอตีพิมพ์
    3. ต้นฉบับของบทความที่ส่งเข้ารับการพิจารณาตีพิมพ์ จะต้องผ่านการตรวจการคัดลอกผลงาน โดยบรรณาธิการฝ่ายจัดการ ทั้ง ระบบอักขราวิสุทธิ์ ระบบค้นหาออนไลน์ต่างๆ โดยมีเกณฑ์การตรวจสอบไม่เกินร้อยละ 25
    4. วารสารจะรับผลงานทางวิชาการที่ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยมีความยาวไม่น้อยกว่า 5 หน้า  ไม่เกิน 40 หน้า พิมพ์ต้นฉบับด้วยกระดาษขนาดเอ 4 หน้าเดียว
    5. การอ้างอิงในเนื้อหา (In-text Citation) และเอกสารอ้างอิง (Reference) ท้ายบทความ ถ้าเป็นภาษาไทยให้ใส่ภาษาไทย ถ้าเป็นภาษาอังกฤษให้ใส่ภาษาอังกฤษ
    6. ผู้พิจารณาไม่ทราบชื่อผู้แต่ง และ ผู้แต่งไม่ทราบชื่อผู้พิจารณา โดยเด็ดขาด (Double Blind Review) และจะต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขา 3 คน โดยจะต้องได้รับการผ่านตอบตกลงจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสามคน และ ขอให้ผู้ส่งต้นฉบับพิมพ์ชื่อ และสังกัด บนหน้าแรกของผลงานเท่านั้น
    7. โครงสร้างบทความประกอบด้วยบทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษประมาณ 100-250 คำ คำสำคัญ (Keywords) 5 คำ บทนำ วัตถุประสงค์ ประโยชน์ที่ได้รับ สมมติฐาน (ถ้ามี) วิธีดำเนินการวิจัย สรุปผลการวิจัยข้อเสนอแนะ กิตติกรรมประกาศ (ถ้ามี) และเอกสารอ้างอิง สำหรับ Keywords ภาษาอังกฤษใช้ตัวเล็กทั้งหมด ยกเว้นเป็นชื่อเฉพาะเท่านั้นที่ใช้อักษรตัวใหญ่
    8. ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป นโยบายใหม่ของวารสารศิลปะศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ บทความต้นฉบับใด ไม่มีหัวข้อหลักครบถ้วน จะไม่รับพิจารณาทันที
    9. ตารางหรือรูปประกอบต้องระบุ หัวข้อให้ชัดเจน อาจเป็นภาพสไลด์ ภาพสี ภาพขาวดำก็ได้ แต่ควรมีความขาว-ดำชัดเจนและมีความละเอียดภาพที่สูง
    10. วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ ยึดมั่นในหลักการความโปร่งใส (Transparency) และความรับผิดชอบ (Accountability) ในกระบวนการตีพิมพ์ผลงานวิชาการ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล (เช่น แนวปฏิบัติของ COPE) วารสารจึงกำหนดให้ผู้เขียนต้องเปิดเผยการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (Generative AI) เช่น Large Language Models (LLMs) หรือ Chatbots ในการเตรียมต้นฉบับบทความ

      ผู้เขียน (ที่เป็นมนุษย์) ต้องรับผิดชอบต่อความถูกต้อง ความสมบูรณ์ และความคิดริเริ่มของเนื้อหาทั้งหมดในบทความ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่สามารถถูกระบุชื่อเป็น "ผู้เขียน" (Author) หรือ "ผู้เขียนร่วม" (Co-author) ได้ในทุกกรณี

      ผู้เขียนจะต้องระบุคำประกาศ (Declaration) เกี่ยวกับการใช้ AI ไว้ในส่วน "Acknowledgements" (กิตติกรรมประกาศ) ของต้นฉบับบทความ โดยเลือกใช้ข้อความมาตรฐานตามกรณีดังต่อไปนี้:

      กรณีที่ 1: ไม่ได้ใช้เครื่องมือ AI (No AI Used)

      หากผู้เขียนไม่ได้ใช้เครื่องมือ AI ใดๆ ในการเขียนหรือเตรียมต้นฉบับบทความ ให้ระบุข้อความดังนี้:

      ตัวอย่าง: "ผู้เขียนขอรับรองว่าไม่ได้ใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด (Generative AI) (เช่น แบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ หรือ แชทบอท) ในการเขียนหรือเตรียมต้นฉบับบทความนี้"

      กรณีที่ 2: ใช้ AI เพื่อช่วยแก้ไขภาษา (AI Used for Language Editing)

      หากผู้เขียนใช้เครื่องมือ AI เพื่อช่วยในการตรวจสอบไวยากรณ์ การขัดเกลาภาษา หรือการแปล (โดยที่เนื้อหาหลักยังคงสร้างโดยผู้เขียน) ให้ระบุข้อความดังนี้:

      ตัวอย่าง: "ในระหว่างการเตรียมงานนี้ ผู้เขียนได้ใช้ [ระบุชื่อเครื่องมือ AI เช่น ChatGPT 4.0] เพื่อวัตถุประสงค์ในการแก้ไขภาษาและพิสูจน์อักษรเท่านั้น ผู้เขียนได้ตรวจสอบและแก้ไขข้อเสนอแนะทั้งหมดที่สร้างโดย AI และขอรับผิดชอบต่อเนื้อหาฉบับสมบูรณ์ของต้นฉบับบทความนี้"

      กรณีที่ 3: ใช้ AI ช่วยในการสร้างเนื้อหา (AI Used for Content Generation)

      หากผู้เขียนใช้เครื่องมือ AI ในส่วนที่มากกว่าการแก้ไขภาษา เช่น ใช้ช่วยในการสรุปวรรณกรรม, ร่างโครงสร้างบทความ, เขียนโค้ด, หรือสร้างเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่ง ผู้เขียนต้องอธิบายอย่างโปร่งใส:

      ตัวอย่าง: "ผู้เขียนรับทราบว่ามีการใช้ [ระบุชื่อเครื่องมือ AI เช่น Google Gemini] เพื่อช่วยใน [ระบุหน้าที่ เช่น การร่างการทบทวนวรรณกรรมเบื้องต้น / การสร้างโค้ดสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล] เนื้อหาทั้งหมดที่สร้างโดย AI ได้รับการตรวจสอบเชิงวิพากษ์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และแก้ไขปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญโดยผู้เขียนที่เป็นมนุษย์ เพื่อให้แน่ใจถึงความถูกต้องและความคิดริเริ่ม ผู้เขียนขอรับผิดชอบต่อต้นฉบับบทความนี้ทั้งหมด"

      หมายเหตุสำคัญ: การไม่เปิดเผยการใช้ AI ตามนโยบายของวารสาร อาจถือเป็นการละเมิดจริยธรรมการตีพิมพ์ (Publication Misconduct) และอาจส่งผลให้บทความถูกปฏิเสธ (Reject) หรือถูกเพิกถอน (Retract) ในภายหลัง

    11. "Ethical Declaration" (หรือ "Ethical Statement") คือ "คำประกาศด้านจริยธรรม" หรือ "คำรับรองด้านจริยธรรม" มันคือแถลงการณ์ภาคบังคับในบทความวิจัย ที่ผู้เขียนใช้เพื่อ ยืนยันและรับรอง ต่อนักอ่าน, ผู้ประเมิน (Reviewers) และบรรณาธิการ (Editors) ว่า งานวิจัยชิ้นนี้ได้ดำเนินการตามหลักจริยธรรมการวิจัยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและระดับสถาบัน

      จุดประสงค์หลัก

      จุดประสงค์หลักคือการสร้าง ความโปร่งใส (Transparency) และ ความน่าเชื่อถือ (Trust) ว่ากระบวนการวิจัยนั้นเคารพต่อสิทธิและความปลอดภัยของ "ผู้มีส่วนร่วม" ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์

      องค์ประกอบสำคัญ

      โดยทั่วไป คำประกาศนี้จะเน้นไปที่การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต ดังนี้ครับ:

      1. การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ (Human Subjects)
        • ต้องระบุว่า ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ (Institutional Review Board - IRB)
        • ต้องระบุ ชื่อคณะกรรมการ และ เลขที่การรับรอง (Approval Number)
        • ต้องยืนยันว่า ได้รับ "ความยินยอม" (Informed Consent) จากผู้เข้าร่วมวิจัยทุกคน
      2. การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ (Animal Subjects)
        • ต้องระบุว่า ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลการเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ (IACUC)
        • ต้องยืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามแนวทางสวัสดิภาพสัตว์และพยายามลดความเจ็บปวด
      3. กรณีที่ไม่เกี่ยวข้อง (Not Applicable)
        • หากงานวิจัยไม่เกี่ยวข้องกับมนุษย์หรือสัตว์เลย (เช่น เป็นการทบทวนวรรณกรรม หรือวิเคราะห์ข้อมูลสาธารณะ) ก็ต้องระบุให้ชัดเจนว่า "ไม่จำเป็นต้องมีการรับรองด้านจริยธรรม" (Ethical approval was not required)
    12. "Declaration of Competing Interests" (DCI) หรือ "การประกาศผลประโยชน์ทับซ้อน" คือ แถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่ผู้เขียนบทความวิชาการ (รวมถึงผู้ประเมินและบรรณาธิการ) ต้องแจ้งต่อวารสาร เพื่อเปิดเผยความสัมพันธ์ใดๆ (ทั้งทางการเงินและส่วนตัว) ที่อาจถูกมองว่ามีอิทธิพลหรือก่อให้เกิดอคติ (Bias) ต่องานวิจัยหรือบทความชิ้นนั้นๆ

      จุดประสงค์หลัก

      หลักการสำคัญคือ ความโปร่งใส (Transparency)

      การประกาศนี้ไม่ได้หมายความว่างานวิจัยนั้น "ไม่ดี" หรือ "มีอคติ" เสมอไป แต่เป็นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ผู้อ่านและผู้ประเมิน (Reviewers) ได้รับทราบ และใช้ข้อมูลนี้ในการประเมินความน่าเชื่อถือของผลงานวิจัยด้วยตนเอง ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจในกระบวนการตีพิมพ์ทั้งหมด

      ตัวอย่างผลประโยชน์ทับซ้อนที่ต้องแจ้ง

      ผลประโยชน์ทับซ้อนที่ต้องประกาศ (ดังตัวอย่างที่คุณได้ให้มาก่อนหน้านี้) แบ่งได้เป็น:

      ด้านการเงิน (Financial Interests):

      • การจ้างงาน หรือ การเป็นที่ปรึกษา ให้กับองค์กรที่อาจได้หรือเสียประโยชน์จากผลวิจัย
      • การถือครองหุ้นในบริษัทที่เกี่ยวข้อง
      • การได้รับทุนวิจัย, ค่าสมนาคุณ (Honoraria), หรือค่าตอบแทนในการเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ จากองค์กรที่เกี่ยวข้อง
      • การยื่นขอหรือจดทะเบียนสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับผลงาน

      ด้านส่วนตัว (Personal Relationships):

      • การมีความสัมพันธ์ส่วนตัว (เช่น ครอบครัว) กับผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากงานวิจัย
      • การแข่งขันทางวิชาการหรือความขัดแย้งส่วนตัวกับผู้อื่นในสายงานเดียวกัน

      ความเกี่ยวข้องกับวารสาร (Journal Affiliation):

      • การที่ผู้เขียนเป็นบรรณาธิการ (Editor) หรืออยู่ในคณะกรรมการที่ปรึกษาของวารสารที่ตนเองกำลังส่งบทความไปตีพิมพ์

      กรณีที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

      หากผู้เขียนไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ เลย ก็จำเป็นต้องประกาศเช่นกัน

      โดยจะต้องระบุอย่างชัดเจนว่า "ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน" เช่น "I have nothing to declare" หรือ "The authors declare no competing interests" เพื่อยืนยันว่าได้พิจารณาเรื่องนี้แล้ว

    13. การส่งไฟล์บทความต้นฉบับให้ส่งผ่านเว็บไซต์ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/ เท่านั้น

หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Email: jlasieditorinchief@gmail.com และเบอร์โทรศัพท์ 0657138731
กองบรรณาธิการวารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ

ที่มา : ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai Journal Citation Index Centre)

Journal Information

Editor : Associate Professor Dr.Anamai Damnet