“ไชยาโมเดล” โมเดลเครือข่ายระบบเฝ้าระวังดัชนีลูกน้ำยุงลายเพื่อแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออกอย่างยั่งยืน : กรณีผลการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่วิจัยเชิงพื้นที่
Main Article Content
Abstract
สถานการณ์โรคไข้เลือดออกของอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีความชัดเจนในรูปแบบการแก้ปัญหา งานวิจัยนี้จึงพัฒนาระบบเฝ้าระวังดัชนีลูกน้ำยุงลายในการแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออกโดยใช้ “ลานสกาโมเดล” เป็นองค์ความรู้หลักและบูรณาการร่วมกับแนวคิดการวิจัยเชิงพื้นที่ และการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ขั้นตอนซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีผ่านความเชี่ยวชาญของทีมวิจัย คือ 1) กำหนดโจทย์วิจัย 2) ดำเนินการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม 3) กำหนดผู้รับผิดชอบเครือข่ายสุขภาพอำเภอ 4) ปฏิบัตงานประจำสู่การวิจัยเชิงพื้นที่ และ 5) ติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการในช่วงเดือนเมษายนถึง ธันวาคม พ.ศ. 2559 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือ “ไชยาโมเดล” เครือข่ายระบบเฝ้าระวังดัชนีลูกน้ำยุงลายครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 54 หมู่บ้านของอำเภอไชยา ประกอบด้วย 7 กิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ 1) การประเมินหมู่บ้านพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรคไข้เลือดออก 2) การติดตั้งระบบเฝ้าระวังดัชนีลูกน้ำ 3) กำหนดโปรแกรม ดัชนีลูกน้ำโมเดล (https://lim.wu.ac.th) 4) พัฒนาสมรรถนะด้านความรู้เรื่องโรคและดัชนีลูกน้ำยุงลายแก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 1,007 คน 5) พัฒนารูปแบบแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออกระดับตำบลจำนวน 3 ตำบล 6) พัฒนางานประจำให้เป็นงานวิจัยเชิงพื้นที่ และ 7) การทำงานเชิงเครือข่ายในการเฝ้าระวังการระบาดโรคไข้เลือดออกของ 4 กลุ่มคน ผลลัพธ์คือมีระบบเฝ้าระวังดัชนีลูกน้ำยุงลาย อสม. มีความรู้เรื่องโรคและดัชนีลูกน้ำยุงลายเพิ่มขึ้น และการตื่นตัวของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราป่วยลดลง และข้อเสนอแนะ ได้แก่ การกำหนดเป็นนโยบายของพื้นที่ได้รับการสนับสนันงบประมาณ และมีการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
Article Details
Area Based Development Research Journal values copyright protection and licensing to safeguard author rights and facilitate the appropriate dissemination of research. Our policies ensure openness, accessibility, and attribution. Authors retain copyright ownership, and articles are published under a Creative Commons Attribution License (CC BY), allowing sharing, adaptation, and proper attribution. Authors have the freedom to publish under the CC BY license, granting broad reuse and distribution permissions. The journal supports posting articles on third-party repositories, adhering to institutional and funding restrictions. Author guidelines detail copyright and licensing requirements, empowering authors with knowledge about their rights and responsibilities. These policies cultivate an environment of collaboration, openness, and responsible sharing, benefiting authors and the research community while honoring intellectual property rights.