การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุนผลิตเมล่อน ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของไทย

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการการผลิตและการจำหน่ายเมล่อนของเกษตรกรและวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุนผลิตเมล่อนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง รวบรวมข้อมูลจากเกษตรกรผู้ผลิตเมล่อนในโรงเรือนแบบปิดในจังหวัดสงขลา พัทลุง สตูล และตรัง รวม 23 ราย ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบบอลล์หิมะ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุนที่อายุโครงการ 10 ปี และอัตราคิดลด 9% โดยใช้ 3 หลักเกณฑ์ ได้แก่ มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุน (BCR) และอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) รวมทั้งวิเคราะห์ความอ่อนไหว ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรร้อยละ 78 ปลูกเมล่อนในโรงเรือนแบบหลังคาโค้งขาตรง พันธุ์ที่นิยมปลูก คือ ไข่ทองคำ คิโมจิ และบารมี เกษตรกรร้อยละ 83 ปลูกเมล่อนในวัสดุปลูกทั้งหมดให้น้ำด้วยระบบน้ำหยด และร้อยละ 70 ใช้ปุ๋ย AB มีอายุการเก็บเกี่ยวเฉลี่ย  46 วันหลังผสมเกสร ส่วนใหญ่จำหน่ายเมล่อนให้กับผู้บริโภคโดยตรง ผ่านทางออนไลน์และจำหน่ายที่ฟาร์ม ส่วนการวิเคราะห์การลงทุนผลิตเมล่อนในพื้นที่ 1 ไร่ มี 3 โรงเรือน ผลิต 3 รอบการผลิต/โรงเรือน/ปี ได้ผลผลิต 200 ผล/รอบการผลิต น้ำหนักเฉลี่ย 1.5 กิโลกรัม/ผล ราคาจำหน่ายเฉลี่ย 155 บาท/กิโลกรัม มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มแรก 361,520 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 205,713 บาท/ปี และได้รับผลตอบแทน 418,500  บาท/ปี (ยกเว้นปีที่ 1) ผลการวิเคราะห์พบว่า ทั้งกรณีฐานก่อนมีเงินกู้และหลังมีเงินกู้มีความเป็นไปได้ในการลงทุน กล่าวคือ NPV = 857,348.53 และ 836,706.33 BCR = 1.55 และ 1.46 และ IRR = 67.17% และ 156.53% ตามลำดับ สำหรับผลการวิเคราะห์ความอ่อนไหวทุกกรณีมีความเป็นไปได้ในการลงทุน ยกเว้นกรณีผลผลิตลดลงร้อยละ 15 และราคาลดลงร้อยละ 25 พร้อมกัน ที่ไม่มีความเป็นไปได้ในการลงทุน