การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้นอกสถานที่เสมือนร่วมกับการใช้บริบทเป็นฐานและเทคนิคการเล่าเรื่องเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และสร้างความตระหนักในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนมัธยมศึกษา
คำสำคัญ:
การเรียนรู้นอกสถานที่เสมือน , การใช้บริบทเป็นฐาน , เทคนิคการเล่าเรื่อง , ความคิดสร้างสรรค์ , ความตระหนักในคุณค่า , ศิลปวัฒนธรรมบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการเรียนรู้นอกสถานที่เสมือนร่วมกับการใช้บริบทเป็นฐานและเทคนิคการเล่าเรื่องเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และสร้างความตระหนักในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนมัธยมศึกษา 2) ศึกษาผลของการใช้รูปแบบการเรียนรู้นอกสถานที่เสมือนร่วมกับการใช้บริบทเป็นฐานและเทคนิคการเล่าเรื่องเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และสร้างความ ตระหนักในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนมัธยมศึกษา 3) นำเสนอรูปแบบการเรียนรู้นอกสถานที่เสมือนร่วมกับการใช้บริบทเป็นฐานและเทคนิคการเล่าเรื่องเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และสร้างความตระหนักในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนมัธยมศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 94 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความเหมาะสมของรูปแบบฯ แบบประเมินและรับรองรูปแบบฯ แผนการจัดการเรียนรู้ เว็บไซต์ตามรูปแบบฯ แบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์ และแบบสอบถามวัดความตระหนักในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการเปรียบเทียบพหุคูณภายหลังการวิเคราะห์ความแปรปรวน
ผลการวิจัย พบว่า 1) รูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้น มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. สื่อเทคโนโลยีและกิจกรรม 2. กระบวนการเรียนการสอน 3. การประเมินผล โดยมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1. ขั้นเข้าสู่บทเรียนด้วยบริบท 2. ขั้นเสริมประสบการณ์ 3. ขั้นเรียนรู้แนวคิดสำคัญ 4. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 2) ผลของการใช้รูปแบบฯ เป็นดังนี้ 1. นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้นอกสถานที่เสมือนร่วมกับการใช้บริบทเป็นฐานและเทคนิคการเล่าเรื่องหลังเรียนมีความคิดสร้างสรรค์และความตระหนักในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. นักเรียนที่มีระดับความคิดสร้างสรรค์แตกต่างกัน เมื่อเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้นอกสถานที่เสมือนร่วมกับการใช้บริบทเป็นฐานและเทคนิคการเล่าเรื่องมีความคิดสร้างสรรค์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีความตระหนักในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ผลการนำเสนอรูปแบบฯ พบว่า ผลการประเมินรูปแบบฯอยู่ในระดับมาก
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (พิมพ์ครั้งที่ 3). โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
จินดา พราหมณ์ชู, เอกรัตน์ ศรีตัญญู, และลัดดา มีศุข. (2553). ผลของการใช้กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน เรื่องอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา, 2(ฉบับพิเศษ), 32-41. https://ejournals.swu.ac.th/index.php/swurd/article/view/2685
ทิศนา แขมมณี. (2547). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประภัสสร ดิษสกุล. (2562). นวัตกรรมการบริหารโรงเรียนประถมศึกษาตามแนวคิดการพัฒนานักเรียนให้มีความคิดสร้างสรรค์ [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พัชรา วาณิชวศิน. (2562). เทคนิคการเล่าเรื่อง: เครื่องมือสอนที่มีศักยภาพ. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 18(3), 281-291. https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JIE/article/view/180159
สมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย. (2567). ค่าสถิติพื้นฐานการสอบ TGAT/TPAT 2-5. https://assets.mytcas.com/66/T66-Stat-TGAT-TPAT.jpg
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (2561-2580) (พิมพ์ครั้งที่ 2).
สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2565). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (พ.ศ. 2566-2570). http://www.nesdc.go.th/ewt_news.php?nid=13651
อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2553). หลักการสอน (พิมพ์ครั้งที่ 5). โอเดียนสโตร์.
อารี พันธ์มณี. (2557). ฝึกให้คิดเป็นคิดให้สร้างสรรค์. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Anderson, D. R. (1957). การคิดเชิงสร้างสรรค์. https://www2.ocsc.go.th/sites/default/files/document/ocsc-2017-eb13.pdf
Barron, F. X. (1968). Creativity and personal freedom. Van Nostrand.
Berry, R. (2008). Assessment for learning. Hong Kong University Press.
Breckler, R. L. (1986). The social work dictation (3rd ed.). NASW Press.
Good, C. A. (1973). Dictionary of education. McGraw-Hill.
MacKinnon, D. W. (1962). The nature and nurture of creative thinking. American Psychologist, 17(7), 484-495. https://psycnet.apa.org/record/1990-97945-013
Torrance, P. E. (1965). Rewarding creative behavior. Prentice Hall.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. ทรรศนะและข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏอยู่ในวารสาร ECT Education and Communication Technology Journal เป็นของผู้เขียนโดยเฉพาะ สำนักเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
2. กองบรรณาธิการของสงวนลิขสิทธิ์ในการบรรณาธิการข้อเขียนทุกชิ้น เพื่อความเหมาะสมในการจัดพิมพ์เผยแพร่