แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตาบลในเขตอาเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด Motivations for Job Performance of Sub-District Municipality Personnel in Suwanaphum District, Roi-Ed Province
Abstract
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานและเพื่อเปรียบเทียบแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตาบลในเขตอาเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จาแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานะของบุคลากร และเทศบาลที่สังกัด รวมถึงศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ บุคลากรเทศบาลตาบลในเขตอาเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จานวน 6 แห่ง กาหนดขนาดโดยใช้สูตรของทาโร ยามาเน่ ได้เท่ากับ 184 คน และการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีความเชื่อมั่นเท่ากับ .87 สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ t-test (Independent Sample) และ F – test (One – way ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการวิเคราะห์ระดับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตาบลในเขตอาเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อจาแนกเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมาก 9 ด้าน เรียงลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ คือ ด้านความสาเร็จของงาน ด้านลักษณะงานที่ปฏิบัติ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ด้านนโยบายผู้บริหาร ด้านความรับผิดชอบ ด้านความก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าที่ ด้านการยอมรับนับถือ ด้านการปกครองบังคับบัญชา ด้านสภาพแวดล้อมในการทางาน อยู่ในระดับปานกลาง 1 ด้าน ด้านเงินเดือนและผลประโยชน์เกื้อกูล ตามลาดับ 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตาบลในเขตอาเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จาแนกตามเพศ และระดับการศึกษา โดยรวมไม่แตกต่างกัน ส่วนจาแนกตามอายุ สถานภาพ และส่วนงานที่สังกัด แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตาบลในเขตอาเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่ ควรจะมีการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายทันตามกาหนดเวลา ควรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการปฏิบัติงาน หน่วยงานควรมีการจัดห้องทางานอย่างเป็นสัดส่วน ควรจะเปิดโอกาสที่จะปรึกษาหารือผู้บังคับบัญชาได้สะดวก ขั้นตอนในการการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการควรมีความสะดวกมากกว่านี้ ควรจะมีการส่งเสริม สนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา ควรจะมีแนวทางในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่ชัดเจน และควรจะมีการความจริงใจต่อกันระหว่างเพื่อนร่วมงาน
ABSTRACT
The purpose of the research is to investigate the motivation for job performance of sub-district municipality personnel in Suwanaphum District, Roi-Ed Province, to compare the motivations of the personnel regarding age, gender, educational background, and social status, and to find some useful suggestions for improving the motivations. The samples were 184 personnel from six sub-district municipalities in Suwanaphum District, Roi-Ed Province. The TARO YAMANE method was employed for calculating the sample size, and the samples were selected by the simple random sampling method. The instrument was a questionnaire with a .87 reliability index. The statistics used were the t-test (Independent Sample) and the F-test (One – way ANOVA).
Results of the research are as follows:
1. The average level of the motivations for job performance of sub-district municipality personnel in Suwanaphum District, Roi-Ed Province was at a high level. The nine high rated items of the motivation were achievement, types of work, interpersonal relationship, policies, executives, responsibilities, advancement, recognition, supervision, and working conditions. The only one moderately rated item of the motivation was salary and fringe benefit.
2. The findings showed that the motivations of the sub-district municipality personnel for the job performance regarding the different genders, and educational backgrounds were not different at the .05 level of the statistical significance. Whereas, the motivations of the sub-district municipality personnel for the job performance regarding the different ages, and social statuses were different at the .05 level of the statistical significance.
3. In conclusion, the study suggests that assignedjobs should be done and finished in time. A job goal should be set clearly and specifically. Executives should provide an opportunity all personnel for advice. Process of social welfare services should be improved. Work regulations should be clear and fair. All personnel should work together with great sincerity.