แนวทางการพัฒนาน้ำพุร้อนคลองฉนวนสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับมาตรฐานของบ่อน้ำพุร้อนคลองฉนวนในปัจจุบัน 2) เพื่อศึกษาแนวทางพัฒนาบ่อน้ำพุร้อนคลองฉนวน 3) เพื่อพัฒนาบ่อน้ำพุร้อนคลองฉนวนสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการพัฒนาน้ำพุร้อนสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและปริมาณผสมกัน ผลการศึกษา พบว่า ประการแรก ระดับมาตรฐานในการรองรับนักท่องเที่ยวผ่านเกณฑ์ ส่วนด้านเกณฑ์สำหรับอุณหภูมิของน้ำต่ำกว่า 36 องศาเซลเซียล ไม่สามารถพัฒนาเป็นทิศทางของน้ำพุร้อนตามมาตรฐานได้ ประการที่สอง แนวทางพัฒนาเป็น “ทอนน้ำเย็นคลองฉนวน” แนวทางการพัฒนาส่วนที่ 1 ด้านมาตรฐานหลักของแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีทั้งหมด 5 เกณฑ์ที่ไม่ผ่าน คือ เกณฑ์ที่ 1 คุณภาพน้ำที่เหมาะสมในการให้บริการ เกณฑ์ที่ 2 ห้องและบ่อแช่น้ำพุร้อน สระว่ายน้ำ เกณฑ์ที่ 3 ด้านห้องอาบน้ำ บ่อแช่ และสระว่ายน้ำ เกณฑ์ที่ 4 การจัดการด้านความปลอดภัย และเกณฑ์ที่ 5 ด้านจัดการสิ่งแวดล้อม และส่วนที่ 2 ด้านศักยภาพในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพประเภทน้ำพุร้อนธรรมชาติ เกณฑ์ที่ 1 จุดดึงดูดด้านการท่องเที่ยว คะแนนเต็ม 50 ผลการประเมิน 4 คะแนน และเกณฑ์ที่ 3 การจัดการด้านการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อให้เกิดความยั่งยืน คะแนนเต็ม 50 ผลการประเมิน 11 คะแนน ประการที่สาม การพัฒนาที่เกิดขึ้น คือ การนำน้ำไปตรวจประเมินตามหลักวิทยาศาสตร์ สร้างสิ่งก่อสร้างพื้นฐานที่สามารถจัดลงแช่น้ำและเล่นน้ำได้ จัดการด้านความปลอดภัย และการจัดการสิ่งแวดล้อม ประการสุดท้าย ความพึงพอใจต่อการพัฒนา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุต่ำกว่า 20 ปี กำลังศึกษาระดับการศึกษาชั้นมัธยม และเดินทางมาจากภูมิภาคภาคใต้ ส่วนความพึงพอใจต่อการพัฒนาด้านมาตรฐานของแหล่งท่องเที่ยวภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง นักท่องเที่ยวพอใจด้านวัสดุที่ใช้ส่งน้ำเพื่อให้บริการ ป้ายอุณหภูมิที่แสดงรวมถึงคุณสมบัติของน้ำ และมีการกรองใบไม้และเศษวัสดุ ส่วนประเด็นความพึงพอใจด้านศักยภาพในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภาพรวมอยู่ในระดับมาก นักท่องเที่ยวพึงพอใจในด้านศักยภาพการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและด้านการจัดการใช้ประโยชน์ของพื้นที่เพื่อความยั่งยืน
Article Details
นโยบายการพิจารณากลั่นกรองบทความ
- บทความวิจัยและบทความวิชาการทุกเรื่องที่จะได้รับการตีพิมพ์ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ในสาขาที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 ท่าน/บทความ
- บทความ ข้อความ ภาพประกอบและตารางประกอบที่ลงตีพิมพ์ในวารสารเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว
- บทความที่จะได้รับการตีพิมพ์จะต้องไม่เคยตีพิมพ์ เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาของวารสารฉบับอื่น หากตรวจสอบพบว่ามีการตีพิมพ์ซ้ำซ้อน ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว
- บทความใดที่ผู้อ่านเห็นว่าได้มีการลอกเลียนหรือแอบอ้างโดยปราศจากการอ้างอิง หรือทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผลงานของผู้เขียน กรุณาแจ้งให้กองบรรณาธิการวารสารทราบจะเป็นพระคุณยิ่ง
เอกสารอ้างอิง
Bodthongdee, U. (2010). Guidelines for the development of tourism potential of Chulabhorn 8 Project, Lamphun SubdistrictBan Na San District, Surat Thani Province.
Thesis. International School of Tourism. Suratthani Rajabhat University.: Surat thani.
Buaket, S. (2558). The project development process of health resort : case studies of
Tao Garden Health Spa & Resorts and Panviman Chiangmai Spa Resort. Thesi the Master of Housing Development Program in Real Estate, Chulalongkorn University.
Chuamuangphan, N., Srisomyong, N., Wachirakajorn, T., Prayoonchart, J. & Samalapha, S. (2018). The study of types of community participation for community based tourism development at Nong Ya Plong hot spring, Petchburi province. Proceeding of UTCC Academic Day 2, June 8, 2018, University of the Thai Chamber of Commerce, 1250 - 1264.
Esichaikul R., &Songsoontornwong C.(2009). Tourism Promotion for Senoir Tourists from Europe to Thailand. Sukhothai Thammathirat Open University.
Jaaoh, D., Intan, M., & Jhelee, A. (2019). Study of Water Quality and Some Minerals from Consumer Source in the Community of Bor Nam Ron, Aomphoe Betong,
Yala Province. YRU Journal of Science and Technology, 4(1), 14 - 18.
Kaew-on, S., Noipa, A & Sungpud, J. (2009). The Physical and Chemical Properties of Hot spring Waters in Nakhon Si Thammarat Province. Wichcha journal. 1(29), 63 - 74.
Krejcie, Robert V. and Daryle W. Morgan. (1970). “Determining Sample Sample Size for Research Activities,” Educational and Psychological Measurement. 30(3) : (608).
Leawroongruang, A. (2011). Thai tourists behavior for Visiting San Kamphaeng Hot Spring in Chiang Mai Province. Chiang Mai University: Chiang Mai.
Lin et.al .(2010). Field observations and management strategy for hot spring wastewater in Wulai area, Taiwan. pp.61(9):2309 - 16.
Line Store.(2018). Creator Sticker. [Online]. Retrieved : Oct, 3, 2018, from:
https://store.line.me/stickershop/product/1136155/th
Mayor, V. (2012). A study of Motivations and Satisfactions of Tourists Visiting Rajsawarin and Pornrang Hot Spring in Ranong Provice. Bangkok: Dhurakij Pundit University.
Ministry of Public Health. (2016).Medical Hub 2017-2026. [Online]. Retrieved : Oct, 3, 2018, from: http://203.157.7.120/fileupload/2560-102.pdf.
Ministry of Tourism and Sport. (2018). Thailand Tourism Standard. [Online]. Retrieved:
June 6, 2018, from: http://thaits.org.
Moungdit., N. (2016). Guidelings of Tourist Attractive Strategy Development:
Pornrang Hotspring Ranong Province. Proceeding of Research 4.0 Innovation and Development SSRU’s 80th Anniversary 1(8), 1258 - 1266.
Nakphin, S., Tripongpun, K. & Tichinthon, S. (2016). Academic Service of Klong Chanuan Hot
Spring Assessment. International School of Tourism. Suratthani Rajabhat University: Surat thani.
Pensup, S. & Saengsiriroj, P. (2015). Behavior and Satisfaction of Thai Tourists towards Tourism, Raksawarin Hot Spring, Ranong Procince, Thailand. Suan Sunandha Rajabhat University: Bangkok.
Petcharaporn, N. (2015). The behavior and satisfaction of Thai Tourist on visiting Kho Kret (Kret Island), Nonthaburi Province. [Electronic version]. Panyapiwan Journal. 7(2), 63 - 72.
Pongsakornrungsilp, P, Kaewauthai, B & Ngunsansaruan, C. (2015). Guidelines for the development of facilities in the Klong Thom hot springs hot springs Krabi. Thailand Scidence Research and Innovation (TSRI).
Pongsawat, S. (2015). Alternative : A study on water quality and the amount of certain minerals in the area above and inside hot spring pipe, in the Bang Phra reservoir, Chonburi province, from May to August 2011. Burapha Science Journal, 18(2), 179 - 194.
Pongwiritthon, R. (2015). Development guidelines for sustainable agro-tourism: Pang Da Royal Project. Suranaree Journal of Social Science, 9(1), 19 - 35.
Sangpikul, A. (2007). Segmenting the Japanese Senior Travel Market: Implications for Thailand’s Tourism Industry. Journal of Hospitality & Tourism, 5(1): 95 - 106.
Srithong, A. (2016). Hot Spring (Onsen): An Innovation of Tourism Management for Health and Therapy by Community’s Participation. Journal of MCU Social Science Review, 5(2): 179 - 192.
Top Lab Consultant. (2018). Surface water quality analysis report Klong Chanuan Hot Spring Project. pp. 2 - 5.
Waseeweerasi, W. (2015). influential factors and relationship with fund management of health insurance fund committee at the local level Banmi district, Lopburi province. EAU Heritage Journal Science and Technology, 9(2):210 - 218.
Yingyong, N. (2015). The satisfaction with the use of hot springs reflecting service.
Research. International School of Tourism, Suratthani Rajabhat University.
