ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเชิงกีฬา

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาองค์ประกอบของความสำเร็จในการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม และเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมที่นำไปสู่การยกระดับการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยผู้วิจัยเลือกใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน ระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพโดยการวิจัยเอกสาร และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลหลัก จำนวน 20 คน และการวิจัยเชิงปริมาณโดยการสำรวจข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากผู้ประกอบการและผู้บริหารระดับสูงของโรงแรม ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 281 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิตามสัดส่วนและการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบสอบถามความคิดเห็น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ตารางแสดงการกระจายค่ามิติสัมพันธ์แบบฉันทามติ ค่าสถิติเชิงพรรณนา และการหาสหสัมพันธ์โดยใช้โปรแกรม LISREL

ผลการวิจัยพบว่า 1) โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุตามสมมติฐานที่พัฒนาขึ้นมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่า c² =88.93, df=34, p-value= 0.26, GFI= 0.97, AGFI= 0.92, CFI= 1.00, RMSEA= 0.02 และพบว่า ผลการดำเนินงานของโรงแรม ได้รับอิทธิพลรวมสูงสุดจากนวัตกรรมกีฬาเชิงคุณค่า รองลงมาคือ การจัดการเชิงสร้างสรรค์ การยกระดับด้านการให้บริการเชิงกีฬาและกิจกรรมพิเศษ การยกระดับกลยุทธ์นวัตกรรมบริการ และการส่งเสริมให้เกิดองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ 0.45 0.25 0.20 0.18 และ 0.10 ตามลำดับ มีตัวแปรในโมเดลสามารถอธิบายความแปรปรวนของผลการดำเนินงานของโรงแรม ได้ร้อยละ 78 ในส่วนการส่งเสริมให้เกิดองค์กรแห่งการเรียนรู้ได้รับอิทธิพลรวมสูงสุดจากการจัดการเชิงสร้างสรรค์ มีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ 0.95 ตัวแปรในโมเดลสามารถอธิบายความแปรปรวนของการส่งเสริมให้เกิดองค์กรแห่งการเรียนรู้ ได้ร้อยละ 90  และการยกระดับกลยุทธ์นวัตกรรมบริการได้รับอิทธิพลรวมสูงสุดจากการจัดการเชิงสร้างสรรค์ มีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ 0.90 ตัวแปรในโมเดลสามารถอธิบายความแปรปรวนของการยกระดับกลยุทธ์นวัตกรรมบริการ ได้ร้อยละ 82