บทบาทการส่งเสริมคุณธรรมความเชื่อแก่คริสตชนของคณะพลมารีย์ กรณีศึกษา: อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

บทคัดย่อ

          การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) บทบาท การส่งเสริมคุณธรรมความเชื่อแก่คริสตชนของคณะพลมารีย์ 2) แนวทางการพัฒนางานส่งเสริมคุณธรรมความเชื่อแก่ คริสตชนของคณะพลมารีย์ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ 1) สมาชิกคณะพลมารีย์ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ใน 6 เขตการปกครอง เขตละ 5 คน โดยการเลือกแบบเจาะจงผู้ที่มีระยะเวลาในการเป็นสมาชิกอย่างน้อย 3 ปี รวมจำนวน 30 คน 2) กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 10 คน ได้มาโดย การเลือกแบบเจาะจง ทำการวิเคราะห์ผลการวิจัย โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ให้ข้อมูลใช้ค่าความถี่ และค่าร้อยละ  การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา
          ผลการวิจัยพบว่า
          1. บทบาทของคณะพลมารีย์ในการส่งเสริมคุณธรรมความเชื่อแก่คริสตชน อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
          คณะพลมารีย์มีบทบาทในการส่งเสริมคุณธรรมความเชื่อคริสตชน มีการปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการประกาศพระวรสารและส่งเสริมให้คริสตชนมีความเชื่อ มีมโนธรรมคริสตชน สิ่งที่สมาชิกพลมารีย์ทุกคนได้ปฏิบัติเป็นประจำได้แก่ 1) การสวดภาวนา 2) การปฏิบัติงานเมตตาสงเคราะห์โดยเฉพาะทางด้านจิตวิญญาณ 3) การปฏิบัติงานแพร่ธรรมส่งเสริมความเชื่อ คิดเป็นร้อยละ 100.00 4) การร่วมงานอภิบาลต่างๆ กับบาทหลวง คิดเป็นร้อยละ 100.00 และ 5) การร่วมมือกับบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่างๆ  สำหรับด้านที่ยังปฏิบัติได้น้อยอยู่คือ 1) การอบรมเด็กและเยาวชน 2) การปฏิบัติงานส่งเสริมความยุติธรรมในสังคม และ  3) การปฏิบัติงานดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการเชิญชวนให้มีการสวดภาวนาภายในครอบครัวหรือในชุมชนที่ยังไม่สามารถทำได้มากเท่าที่ควรซึ่งการปฏิบัติบทบาทหน้าที่ของคณะพลมารีย์เหล่านี้ เป็นการได้รับพระหรรษทานจากพระเจ้าผ่านการเสนอวิงวอนของพระนางมารีย์ คิดเป็นร้อยละ 83.33
          2. แนวทางการพัฒนางานส่งเสริมคุณธรรมความเชื่อแก่คริสตชนของคณะพลมารีย์ ได้แก่
                   2.1 สมาชิกพลมารีย์ ควร 1) มีการปรับรูปแบบการร่วมงานกับบาทหลวงในการส่งเสริมความเชื่อให้กับคริสตชนให้มีความเป็นเอกภาพ สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน 2) ได้รับการศึกษาอบรมให้มีความรู้ต่อเนื่องในเรื่องคำสอน พระสมณสาส์นของพระสันตะปาปาและเอกสารของพระศาสนจักร 3) ได้รับการเสริมสร้างความเข้าใจในหลักการร่วมงานกับองค์กรอื่นๆ ของพระศาสนจักร และ 4) เป็นประจักษ์พยานชีวิตในงานส่งเสริมความเชื่อแก่คริสตชน
                   2.2 คณะพลมารีย์ ควร 1) มีการประยุกต์และปรับใช้วิธีการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับสภาพสังคม 2) เพิ่มการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานดูแลเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น และ 3) ส่งเสริมการบูรณาการและการศึกษาพระคัมภีร์ในการปฏิบัติงานส่งเสริมความเชื่อของพลมารีย์
                   2.3 คณะพลมารีย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรช่วยส่งเสริมการสร้างความศรัทธาภักดีที่ถูกต้องต่อพระนางมารีย์แก่คริสตชน
                   2.4 สามเณราลัย ควรจัดการศึกษาอบรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่สามเณรเกี่ยวกับการทำงานอภิบาลร่วมกับองค์กรฆราวาส เช่น คณะพลมารีย์
                   2.5 บาทหลวงควรให้การสนับสนุนพลมารีย์ในการทำงานส่งเสริมความเชื่อทั้งทางด้านกำลังใจและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานมากขึ้น