The Components of Service Quality for Foreign Muslim Tourists in Thailand

Authors

  • Songkran Klomsook Program in Tourism and Hospitality Management, Multidisciplinary College, Christian University of Thailand
  • Hiranya Klangnurak Program in Tourism Management, Faculty of Management Science, Phuket Rajabhat University
  • Naphong Rujiwararat Program in Tourism and Hospitality Management, Multidisciplinary College, Christian University of Thailand

DOI:

https://doi.org/10.14456//psruhss.2021.10

Keywords:

Service Quality Component, Service for Foreign Muslim Tourist

Abstract

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดท่องเที่ยวมุสลิมถือได้ว่าเป็นกลุ่มตลาดที่มีการเพิ่มจำนวนขึ้น อีกทั้งผลิตภัณฑ์และการบริการสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลามมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวมุสลิมระหว่างท่องเที่ยวในแต่ละประเทศอย่างสูงสุด จึงเป็นที่มาของการวิจัย เรื่อง องค์ประกอบการให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมุสลิมในประเทศไทย เพื่อศึกษาองค์ประกอบในการให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติมุสลิม โดยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) จากกลุ่มตัวอย่างผ่านแบบนำสัมภาษณ์ จำนวน 410 ตัวอย่าง และการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จากผู้ทำงานในธุรกิจที่พัก จำนวน 17 คน  ผลการวิจัยด้วยวิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบ (Exploratory Factor Analysis: EFA) ที่มีค่าความสามารถในการสกัดปัจจัย (Kaiser-Meyer-Olkin : KMO) เท่ากับ 0.957 ค่า Bartlett's Test of Sphericity เท่ากับ 27,720 ค่าระดับความเป็นอิสระ (Degree of Freedom: df) เท่ากับ 990 และนัยสำคัญทางสถิติ (P Value) เท่ากับ 0.00 พบว่า องค์ประกอบการให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมุสลิมในประเทศไทย ได้ลดลงจาก 7 องค์ประกอบ เหลือเพียง 5 องค์ประกอบ โดยผลการวิเคราะห์โมเดลองค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสองใหม่ มีค่าสถิติ ดังนี้ ค่า Chi-square  เท่ากับ 643.398 มีค่าความน่าจะเป็น เท่ากับ 0.000 ที่องศาอิสระ Degrees of freedom (df) เท่ากับ 509 ค่าดัชนีวัดความกลมกลืน (Goodness of Fit Index: GFI) มีค่าเท่ากับ 0.920 (ควรมีค่ามากกว่า 0.90) ค่า X2/df (CMIN/DF) เท่ากับ 1.264 ค่าดัชนีรากกำลังสองเฉลี่ยของส่วนเหลือมาตรฐาน (Root Mean Squared Residual: RMR) เท่ากับ 0.010 ค่าดัชนีความคลาดเคลื่อนในการประมาณค่าพารามิเตอร์ (Root Mean Square Effort of Approximation: RMSEA) เท่ากับ 0.025 ค่าดัชนีวัดความสอดคล้อง (Tucker Lewis Index: TLI) เท่ากับ 0.990 และค่าดัชนีวัดระดับความสอดคล้องเปรียบเทียบ (Comparative Fit index: CFI)  เท่ากับ 0.992 รวมทั้ง ค่าดัชนีที่ปรับแก้แล้ว (Adjust Goodness of Fit Index: AGFI) เท่ากับ 0.901 (Durande-Moreau & Usunier, 1999; Harrison-Walker, 2001) แสดงว่า ค่าสถิติหลังการปรับปรุงยืนยันได้ชัดเจนกว่าก่อนการปรับปรุงว่า โมเดลองค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสองขององค์ประกอบการให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมุสลิมในประเทศไทยมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ผลการวิเคราะห์โมเดลองค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสองขององค์ประกอบการให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมุสลิมใน
ประเทศไทย จึงประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ เรียงลำดับตามค่าน้ำหนักองค์ประกอบ ได้แก่ (1) ด้านการอำนวยความสะดวก มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบ 0.97 (2) ด้านความรับผิดชอบต่อศาสนาและสังคม มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบ 0.82 (3) ด้านสุขลักษณะ-สุขอนามัย มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบ 0.74 (4) ด้านประสิทธิภาพในการให้บริการของพนักงาน มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบ 0.70 และ (5) ด้านการรักษาความปลอดภัย มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบ 0.52 นอกจากนั้น ผู้วิจัยยังได้เสนอแนะให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่พักให้ความสำคัญในการพัฒนารูปแบบการให้บริการที่เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเป็นตลาดใหญ่และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงศึกษาหลักศาสนบัญญัติของศาสนาอิสลามเบื้องต้นเพื่อนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจที่พักให้ถูกต้องตามศาสนบัญญัติ (Shariah-Compliant Hotel) รวมทั้งการขอรับใบอนุญาตมาตรฐานการให้บริการแบบฮาลาล (Halal Certificate) เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวมุสลิมว่าจะได้รับการดูแล เอาใจใส่ได้อย่างถูกต้องตามหลักศาสนบัญญัติ สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวมุสลิม และสร้างโอกาสและ
การได้เปรียบทางธุรกิจในประเทศไทยเพื่อการเป็นผู้นำด้านการบริการท่องเที่ยวและโรงแรมในกลุ่มประเทศสมาชิกเศรษฐกิจอาเซียน

References

กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2555). มาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยว ประเภทโรงแรม เล่ม 1. สืบค้น 4 ตุลาคม 2559, จาก http://thaihotels.org/wp-content/uploads/2012/08/.

จิราวดี รัตนไพฑูรย์ชัย. (2557). ตลาดนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ: โอกาสใหม่ไทย เติบโตรับ AEC. สืบค้น 17 กันยายน 2562, จาก http://www.itd.or.th

ศราวุฒิ อารีย์. (2559). การต่อสู้กับจิตใจ และกฎการทำศึกของอิสลาม. สืบค้น 30 มกราคม 2560, จาก https://www.isranews.org/content-page/67-south-slide/52178-war-52178.html

สงกรานต์ กลมสุข. (2558). แนวทางการจัดการการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม-คาร์บอนต่ำในประเทศไทย. วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน, 21(3), 385-397.

สมยศ หวังอับดุลเลาะ. (2549). การใช้กฎหมายอิสลามลักษณะครอบครัวในกรุงเทพมหานคร. ปัตตานี: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.

อานนท์ กระออมแก้ว. (2555). แนวทางการปรับปรุงโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิม กรณีศึกษาโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์พัฒนศาสตรมหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.

Durande-Moreau, A., & Usunier, J. (1999). “Time Styles and the Waiting Experience: An Exploratory Study”. Journal of Service Research, 2(2), 173-186.

Harrison-Walker, L. J., (2001). The measurement of word-of-mouth communication and investigation of service quality and customer commitment as potential antecedents. Journal of Service Research, 4(1), 60-75.

Mohd Rizal Razalli. (2013). Developing a Model for Islamic Hotels: Evaluating Opportunities and Challenges. Retrieved September 1, 2017, from http://repo.uum. edu.my/7089/

Nor Zafir Md Salleh. (2014). The Practice of Shariah-Compliant Hotel in Malaysia. International Journal of Trade, Economics and Finance, 5(1), 26-30.

Rosenberg, P., & Choufany, H. M. (2009). Spiritual Lodging–The Sharia-Compliant Hotel Concept. HVS Global Hospitality Services–Dubai.

Shirzad Mansouri. (2014). Role of Halal Tourism Ideology in Destination Competitiveness: A Study on Selected Hotels in Bangkok, Thailand. International Conference on Law, Education and Humanities (ICLEH'14) Jan. 30-31, 2014 Pattaya Thailand.

Yamane, T. (1967). Taro Statistic : An Introductory Analysis. New York: Harper & row.

Downloads

Published

20-05-2020

How to Cite

Klomsook, S. ., Klangnurak, H. ., & Rujiwararat, N. . (2020). The Components of Service Quality for Foreign Muslim Tourists in Thailand. Humanities and Social Sciences Journal of Pibulsongkram Rajabhat University, 15(1), 117–130. https://doi.org/10.14456//psruhss.2021.10

Issue

Section

Research Article