การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา เรื่อง พลังงานทดแทนเพื่อยกระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี

ผู้แต่ง

  • น้ำอ้อย ปัญญา สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
  • ณัฐวุฒิ ขาวสะอาด สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
  • พิทักษ์ อยู่มี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

คำสำคัญ:

สะเต็มศึกษา, การสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้, ความสามารถในการคิดวิเคราะห์

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลัง ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องพลังงานทดแทนตามแนวสะเต็มศึกษา และเพื่อหาประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยดำเนินการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างที่เลือกแบบเจาะจงจากนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 35 คน ในภาคเรียนที่ 1/2562 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดความสามารถทางการคิดวิเคราะห์ และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน, dependent t – test และ ผลการวิจัยพบว่า 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นมีความเหมาะสม และสอดคล้องโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) นักศึกษาที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เรื่องพลังงานทดแทนตามแนวสะเต็มศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักศึกษาที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เรื่องพลังงานทดแทนตามแนวสะเต็มศึกษามีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ร้อยละ 81.03 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (ร้อยละ 75) 4) นักศึกษาที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เรื่องพลังงานทดแทนตามแนวสะเต็มศึกษามีความสามารถทางการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 4) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5) นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ ตามแนวสะเต็มศึกษาในระดับมาก

เอกสารอ้างอิง

กมลฉัตร กล่อมอิ่ม. (2559). การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสะเต็มศึกษาสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 18(4), 334-348.

จิราณี เมืองจันทร์. (2557). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD แบบผสมผสาน เรื่อง คำสั่ง ควบคุมการทำงานของโปรแกรมสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยนเรศวร, พิษณุโลก.

เดือนงาม นามเมือง. (2552). Problem-based Learning (PBL) การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน. วารสารวิชาการ, 12(2), 34-36.

ธิดารัตน์ เสือคง. (2561). การเรียนรู้สะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียนระดับอาชีวศึกษา. วารสารวิจัยราชภัฏพระนคร สาขามนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 13(2), 223-242.

นูรอาซีกีน สาและ. (2560). ผลของการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 4(1), 42-53.

ปัจฉา ฉัตราภรณ์, นฤมล สุวรรณจันทร์ดี และบุรินทร์ อัศวพิภพ. (2551). เวลาเปลี่ยน..คะแนนฟิสิกส์เธอเปลี่ยน..ช่างกระไร ใครหนอใครทำ? (ผลการเรียนฟิสิกส์ระดับมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1 ในช่วงการเปลี่ยนแปลงระบบการรับเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย). วารสารฟิสิกส์ไทย, 25(3), 19-24.

เรณุมาศ มาอุ่น. (2559). การจัดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ. วารสารเทคโนโลยีภาคใต้, 9(2), 169-176.

วรรณพงษ์ เตรียมโพธิ์ และอาทร นกแก้ว. (2559). STEM (ตอน 1: อะไรและทำไม). สืบค้น 15 กันยายน 2559, จาก http://www.ilearnsci.com/2_STEM(1)

วารินท์พร ฟันเฟื่องฟู. (2560). สะเต็มศึกษากับการศึกษาไทย Stem Education and Thailand Education. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 7(2), 13-23.

วิทยากร เชียงกูล. (2559). สภาวะการศึกษาไทยปี 2557/2558 “จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร. กรุงเทพฯ: พิมพ์ดีการพิมพ์.

ศิริพร มโนพิเชฐวัฒนา. (2547). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์แบบบูรณาการที่เน้นผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ที่กระตือรือร้น เรื่อง ร่างกายมนุษย์ (วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพฯ.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2557). สะเต็มศึกษา (STEM Education). กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.

สุปรียา ศิริพัฒนกุลขจร. (2548). การพัฒนารูปแบบห้องเรียนเสมือนจริงแบบจำลองสถานการณ์ร่วมกับการฝึกปฏิบัติ เรื่องการผลิตรายการโทรทัศน์ (วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพฯ.

สุรางค์ โค้วตระกูล. (2556). จิตวิทยาการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.

Executive Office of the President. (2010). Report to the President: Prepare and Inspire: K12. Retrieved April 24, 2016, from http://www.whitehouse.gov/osto/pcast.

Institute for Management Development. (2015). World Competitiveness Yearbook 2015. Retrieved April 30, 2016, from http://www.imd.org/new/IMD-releases-its-2015-World-ompetitiveness-Ranking.cfm.

Lardizabal, A. S., & others. (1970). Methods and Principles of Teaching. Quezon City: A Lemer – Phoenix.

National Research Council. (2012). A Framework for K-12 Science Education: Practices, Crosscutting Concept, and Core Ideas. Committee on New Science Education Standards, Board on Science Education, Division of Behavioral and Social Science and Education. Washington, DC: National Academy Press.

World Economic Forum. (2015). The Global Competitiveness Report 2014-2015. Retrieved

October 15, 2016, from http://www.weforum.org.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

05-05-2020

รูปแบบการอ้างอิง

ปัญญา น., ขาวสะอาด ณ. ., & อยู่มี พ. . (2020). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา เรื่อง พลังงานทดแทนเพื่อยกระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 14(2), 538–549. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/GraduatePSRU/article/view/239980

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย