โรงหนังแห่งปัญญา : การใช้สื่อภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและ ลดพฤติกรรมการกลั่นแกล้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของเยาวชน
DOI:
https://doi.org/10.14456/psruhss.2023.8คำสำคัญ:
การกลั่นแกล้งผ่านสื่อ , สังคมออนไลน์ , สื่อภาพยนตร์ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ทดลองใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อในการสร้างการรับรู้ในเรื่องการลดพฤติกรรมการกลั่นแกล้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของเยาวชน และ 2) ศึกษาผลการใช้สื่อภาพยนตร์ในเชิงวิชาการเพื่อส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและสร้างการรับรู้ในเรื่องการลดพฤติกรรมการกลั่นแกล้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของเยาวชนในโรงเรียน การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิจัยแบบผสม (Mixed Method Research) การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Research) เพื่อให้ได้ข้อมูลในภาพรวมของการศึกษา และคัดกรองกลุ่มตัวอย่างเพื่อใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ในการศึกษาข้อมูลเชิงลึก ประชากรในการศึกษาเชิงปริมาณ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนวัดอดิศรชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 – 6 ทั้งหมดจำนวน 53 คน และเมื่อคัดกรองกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงคุณภาพจึงได้กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยทั้งสิ้น 15 คน ผลการวิจัยเชิงปริมาณพบว่า กลุ่มประชากรทั้งหมด 53 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 64.2 กำลังศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ ปีที่ 4 ในสัดส่วนที่เท่ากัน คือร้อยละ 22.6 ส่วนใหญ่อาศัยอยู่กับบิดามารดา ร้อยละ 58.5 ผู้ปกครองมีอาชีพรับจ้างสูงถึงร้อยละ 79.2 รู้จักหรือเคยใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างน้อย 1 ประเภท ร้อยละ 100 ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 98.1 ใช้เวลาในการเข้าใช้สื่อสังคมออนไลน์ต่อวัน น้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 43.4 มีความรู้ว่าการกลั่นแกล้งเพื่อนนั้นเป็นสิ่งไม่ดี ร้อยละ 100 และเมื่อศึกษาผลการศึกษาเกี่ยวกับการไม่รู้จักคำว่า “การกลั่นแกล้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์” พบว่ากลุ่มประชากรที่ไม่รู้จักการกลั่นแกล้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์มีถึงร้อยละ 13.2 โดยเพศชายจะไม่รู้จักมากกว่าเพศหญิง (ร้อยละ 57.1 เปรียบเทียบร้อยละ 42.9) กำลังศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และปีที่ 5 ในสัดส่วนเท่ากัน (ร้อยละ 42.9) มีสัดส่วนของสถานภาพครอบครัวอยู่กับบิดามารดา ร้อยละ 71.4 และมีสัดส่วนของอาชีพผู้ปกครองรับจ้าง (ร้อยละ 85.7) รู้จัก/เคยใช้สื่อสังคมออนไลน์ (ร้อยละ 100) ใช้เครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ (ร้อยละ 100) ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ น้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน และมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน (ร้อยละ 42.9) รับรู้ในเรื่องพฤติกรรมการกลั่นแกล้งทางกายภาพว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี/ไม่ควรทำ (ร้อยละ 100) รับรู้ในเรื่องพฤติกรรมการกลั่นแกล้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นสิ่งที่ไม่ดี/ไม่ควรทำ (ร้อยละ 100) ผลการศึกษาเชิงคุณภาพพบว่า หลังจากรับชมสื่อภาพยนตร์ กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น สามารถอธิบายเนื้อหาจากสื่อภาพยนตร์ว่าการกลั่นแกล้งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี/ไม่ควรกระทำ มีความเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งว่าได้รับผลกระทบทางด้านต่างๆ รวมไปถึงผลกระทบที่ส่งไปถึงผู้ที่เป็นคนกลั่นแกล้งผู้อื่นอีกด้วย นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างรู้สึกว่าไม่ต้องการเป็นผู้ถูกกลั่นแกล้ง และไม่ต้องการกลั่นแกล้งผู้อื่น และนำไปสู่ความตั้งใจในการลดพฤติกรรมการกลั่นแกล้งผู้อื่นของกลุ่มตัวอย่างในที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี. (2562) ประเภทของการกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2562. จาก https://tcsd.go.th//ประเภทของการกลั่นแกล้ง.
กอบกูล จันทรโคลิกา. (2553). การเลือกชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์และความคาดหวังจากการชมภาพยนตร์ไทย. Thailand and The World Economy, 28(1), 122–153.
ขนิษฐา สมใจ. (2560) การเปิดรับทัศนคติ และพฤติกรรมการชมภาพยนตร์นอกกระแส ในโรงภาพยนตร์เฮ้าส์อาร์ซีเอ (วิทยานิพนธ์วารสารศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ชวิน สุธาทิพย์กุล. (2561). พฤติกรรมการเปิดรับสื่อดิจิทัล และความพึงพอใจในสื่อดิจิทัลของผู้มาใช้บริการโรงภาพยนตร์เฮาส์ (วิทยานิพนธ์นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
ชินดนัย ศิริสมฤทัย. (2561). การรับรู้ ทัศนคติ และความตั้งใจในการเกิดพฤติกรรมการกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์ (วิทยานิพนธ์นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
ณัฐรัชต์ สาเมาะ, พิมพวัลย์บุญงคล, และรณภูมิ สามัคคีคารมย์ (2557) การรับรู้ของเยาวชนต่อการรังแกในพื้นที่ไซเบอร์. วารสารพฤติกรรมศาสตร์เพื่อการพัฒนา, 6(1), 351-364.
ธันยากร ตุดเกื้อ. (2556). การพัฒนาตัวบ่งชี้พฤติกรรมการรังแกบนโลกไซเบอร์ของเยาวชนในจังหวัดสงขลา(วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
นารีนารถ หอไธสง. (2555). การใช้ภาพยนตร์เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ : การวิจัยปฏิบัติการรูปแบบวงจรลําดับเวลาของเจมส์ แมคเคอร์แนน (James McKernan). วารสารวัดผลการศึกษา, 17(1), 187-199.
นิด้าโพลแห่งประเทศไทย. (2560). ทัศนคติของเด็กและเยาวชนต่อ พฤติกรรมการกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์. สืบค้นเมื่อ 29 มิถุนายน 2563 จาก https://www.facebook.com/thaibja/posts.
บุปผา ปงลังกา, ศิตา เยี่ยมขันติถาวร, และอารีรักษ์ มีแจ้ง. (2559). ผลการใช้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเพื่อพัฒนาความสามารถทางด้านการพูดภาษาอังกฤษและความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพร้าววิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่. วารสารอิเล็กทรอนิกส์การเรียนรู้ทางไกลเชิงนวัตกรรม, 6(1), 45-60.
ประวีณา พลเขตต์. (2561). การรับรู้และการรู้เท่าทันสื่อของผู้ชมรายการชัวร์ก่อนแชร์. วารสารการสื่อสารและการจัดการนิด้า, 4(3), 47-62.
ปองกมล สุรัตน์. (2561). การรังแกผ่านโลกไซเบอร์ในมิติสังคมวัฒนธรรม : กรณีศึกษาเยาวชนไทยเจนเนอเรชั่น Z (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). กรงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
พรชนก ดาวประดับ, และกัลยกร วรกุลลัฎฐานีย์. (2561). รูปแบบและลักษณะการมีส่วนร่วมในการกลั่นแกล้งบนพื้นที่สาธารณะออนไลน์. วารสารการสื่อสารและการจัดการ นิด้า, 4(3), 63-78.
พรทิพย์ เย็นจะบก. (2560). เอกสารคำสอนวิชาหลักนิเทศศาสตร์. กรุงเทพฯ: คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
พีระ จิระโสภณ. (2523). หลักและทฤษฎีการสื่อสาร. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
มูลนิธิพิทักษ์สิทธิเด็ก. (2559). เมื่อเด็กถูกเพื่อนรังแกในโรงเรียน...ผู้ใหญ่จะช่วยเหลืออย่างไร?. สืบค้นเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2563. จาก https://www.thaichildrights.org/articles/article-violence.
มูลนิธิยุวพัฒน์. (2562). การกลั่นแกล้ง (Bullying) ความรุนแรงในสังคม. สืบค้นเมื่อ 29 มิถุนายน 2563 จาก https://www.yuvabadhanafoundation.org/th.
มูลนิธิส่งเสริมสื่อเด็กและเยาวชน. (2561). การกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์ (Cyberbullying). ปทุมธานี: นัชชาวัตน์.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2542). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน : ภาพยนตร์. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์.
ฤตานนท์ แสนสวย. (2559). การเปิดรับภาพยนตร์โฆษณาในรูปแบบ In-stream ad บน Youtube และพฤติกรรมการตอบสนองของผู้ชม (วิทยานิพนธ์วารสารศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วรารัตน์ สนธิมุล. (2559). พฤติกรรมการเปิดรับโฆษณาภาพยนตร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กกับการตัดสินใจเลือกชมภาพยนตร์ของผู้ชม (วิทยานิพนธ์ปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต.
วลัยลักษณ์ ทองสะอาด. (2558). การสอนโดยใช้ภาพยนตร์ตามแนวคิดของ Goodwyn เพื่อพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ-การคิดอย่างสร้างสรรค์ในวิชาภาษาอังกฤษฟัง-พูด1 ของนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีหมู่บ้านครู. กรุงเทพฯ: วิทยาลัยเทคโนโลยีหมู่บ้านครู.
วิชชา สันทนาประสิทธิ์. (2558). บทบาทของภาพยนตรกับพฤติกรรมทางเพศของวัยรุน ไทย: กรณีศึกษานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
สรานนท์ อินทนนท์, และพลินี เสริมสินสิริ. (2561). การศึกษาวิธีการป้องกันการกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์ของวัยรุ่น. ใน การประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิชาการระดับชาติ UTCC Academic Day ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส). (2562). Cyberbully คืออะไร? ส่งผลอย่างไร? และเราควรรับมือกับมันอย่างไรดี?. สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2563. จากhttps://resourcecenter.thaihealth.or.th/ index.php/article/cyberbully.
สุธรรม รัตนโชติ. (2553). พฤติกรรมองค์การและการจัดการ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ท้อป.
สุภาวดี เจริญวานิช. (2560). การรังแกกันผ่านพื้นที่ไซเบอร์ : ผลกระทบและการป้องกันในวัยรุ่น. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 25(4), 639-648.
อภิญญา แก้วเปรมกุศล. (2562). การเปิดรับสื่อ การรับรู้ ทัศนคติ และการใช้ประโยชน์จากหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของเยาวชนในเขตกรุงเทพมหานคร. Management Science Nakhon Pathom Rajabhat University, 6(2), 20 - 35.
Ball-Rokeach, S. J., & DeFleur, M. L. (1976). A dependency model of mass-media effects. Communication Research, Retrieved August 10, 2020,/from / https://doi.org/10.1177/009365027600300101.
Frederick W. Frey. (1963). Communications and political development. Princeton, N.J. Princeton University.
McCombs, M. E., & Becker, L. B. (1979). Using mass communication theory. New York: Prentice-Hall.
Unicef. (2020). Cyberbullying: What is it and how to stop it. Retrieved September 15, 2020,/from/https://www.unicef.org/end-violence/how-to-stop-cyberbullying
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม


