รูปแบบการบริหารกิจกรรมการพัฒนาผู้เรียนเพื่อส่งเสริมเจตคติต่อวิชาชีพรัฐศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในการรับเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
DOI:
https://doi.org/10.14456/gjl.2025.8คำสำคัญ:
รูปแบบการบริหารกิจกรรม, การพัฒนาผู้เรียน, เจตคติต่อวิชาชีพรัฐศาสตร์, นักเรียนมัธยมศึกษา, การรับเข้าศึกษาต่อบทคัดย่อ
งานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหารกิจกรรมการพัฒนาผู้เรียนเพื่อส่งเสริมเจตคติต่อวิชาชีพรัฐศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในการรับเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2) ศึกษาเจตคติก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาผู้เรียนเพื่อส่งเสริมเจตคติต่อวิชาชีพรัฐศาสตร์ของนักเรียนกลุ่มดังกล่าว การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 55 คน ที่เข้าร่วมโครงการค่ายเยาวชนนักรัฐศาสตร์ของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติ t-test และ One-Way ANOVA ในการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหารกิจกรรมการพัฒนาผู้เรียนในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.66) 2) เจตคติของนักเรียนต่อวิชาชีพรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นจากระดับมาก (ค่าเฉลี่ย 4.41) เป็นระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.58) หลังเข้าร่วมกิจกรรม 3) ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างเพศในด้านความพึงพอใจต่อกิจกรรม แต่พบความแตกต่างระหว่างนักเรียนที่สนใจสาขาวิชาต่างกัน ข้อเสนอแนะจาการวิจัยควรมีการศึกษาติดตามผลในระยะยาวเพื่อประเมินความคงทนของเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพรัฐศาสตร์ ขยายการศึกษาไปยังกลุ่มตัวอย่างที่หลากหลายมากขึ้น และศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำให้เนื้อหาวิชารัฐศาสตร์เข้าใจง่ายขึ้นสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา
Downloads
เอกสารอ้างอิง
ชาญวิทย์ จารุสมบัติ. (2563). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เชิงพฤติกรรมในการศึกษาสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา. วารสารการศึกษาไทย, 7(2), 101-110.
ชุติมา ทัศโร, พิมพ์ปวีณ์ สุวรรณโณ, และกันย์ณิภัฐ สุวรรณอ่อน. (2562). การศึกษาเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสมานฉันท์ในสังคมพหุวัฒนธรรม รายวิชาความเป็นครูวิชาชีพ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่. การประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติและนานาชาติ ครั้งที่ 10, 1243-1254.
ณัฐพงศ์ ชินกุลวัฒนากิจ. (2562). การส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อพัฒนาความสามารถในการทำงานเป็นทีมของนักเรียน. วารสารการพัฒนาการศึกษา, 13(2), 95-108.
ปิยะนุช สุนทรปรีชา. (2561). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์ในโรงเรียน. วารสารการศึกษาไทย, 6(2), 130-145.
พรรณี เกิดศิริ. (2564). แรงจูงใจและความพึงพอใจในการพัฒนาผู้เรียนผ่านการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้.วารสารวิชาการและการวิจัยการศึกษา, 9(3), 145-158.
สุธิดา ศรีสุทธิ์. (2561). ผลของการเรียนรู้ร่วมกันต่อพัฒนาการทางเจตคติของนักเรียนประถมศึกษา. วารสารวิชาการการพัฒนาการศึกษา, 12(1), 55-68.
สุรไกร นันทบุรมย์. (2556). ผลการใช้กิจกรรมลดอคติตามแนวคิดพหุวัฒนธรรมศึกษาที่มีต่อความเข้าใจในความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรมในประชาคมอาเซียนของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุกัญญา วรรณบวร. (2560). การสร้างแรงจูงใจภายในและผลต่อเจตคติต่อการเรียนรู้. วารสารวิชาการและการวิจัยการศึกษา, 9(1), 75-90.
อภิชญา โถมเจริญ, วิศรุต ปะยังเกียรติกุล, ทิภูบล ทิพย์เลิศ (2023). การพัฒนากิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบเน้นปัญหาเพื่อส่งเสริมทัศนคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารการศึกษาอินโดนีเซีย.
Cancilla, J. M. (2002). The development and evaluation of a school-based multi-cultural promote respect for individuality and diversity in elementary school children: A casestudy [Unpublished doctoral dissertation]. Walden University.
Lewin, K., Lippitt, R., & White, R. K. (1959). Patterns of aggressive behavior in experimentally created "social climates". The Journal of Social Psychology, 10(2), 271-299.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบริหารปกครอง มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




