การตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในอำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร กรณีศึกษาการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2566
DOI:
https://doi.org/10.14456/gjl.2025.25คำสำคัญ:
การตื่นตัวทางการเมือง, ความรู้ความเข้าใจทางการเมือง, พฤติกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมือง, อำเภอเมืองสกลนครบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในอำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร กรณีศึกษาการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2566 โดยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) เพื่อวิเคราะห์ทั้งความรู้ความเข้าใจทางการเมือง และพฤติกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมือง กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยประชาชนในอำเภอเมืองสกลนคร จำนวน 400 คน โดยคำนวณจากสูตรที่รู้จำนวนประชากรของ Krejcie & Morgan และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 20 คน ซึ่งประกอบด้วย นักการเมืองดับชาติและระดับท้องถิ่น ข้าราชการท้องถิ่น นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเมืองและการเลือกตั้ง ผู้นำและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผลการศึกษาพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในอำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร กรณีศึกษาการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2566 ด้านความรู้ความเข้าใจทางการเมืองอยู่ในระดับมาก ( = 4.05, S.D. = .869) โดยการมีสิทธิเป็นผู้มีส่วนร่วมทางการเมืองมีระดับสูงสุด (
= 4.24, S.D. = .953) รองลงมาคือการมีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสาร (
= 4.21, S.D. = .894) และสุดท้ายคือการมีสิทธิเรียกร้องและต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเอง (
= 3.85, S.D. = .793) ในส่วนของพฤติกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นโดยรวมในระดับมาก (
= 3.50, S.D. = .765) โดยการไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งมีระดับสูงสุด (
= 4.52, S.D. = .739) รองลงมาคือการริเริ่มพูดคุยทางการเมือง (
= 4.20, S.D. = .727) และการร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ในระดับน้อยที่สุด (
= 2.04, S.D. = .636) และประชาชนในอำเภอเมืองสกลนครมีความรู้และความเข้าใจทางการเมืองอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะด้านสิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมือง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และสิทธิในการเรียกร้อง นอกจากนี้พฤติกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมือง เช่น การลงคะแนนเสียงและการพูดคุยประเด็นทางการเมือง พบว่าประชาชนมีการมีส่วนร่วมในระดับสูง สะท้อนให้เห็นถึงการตื่นตัวทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและการตระหนักถึงสิทธิของตนเองเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
ลิขิต ธีรเวคิน. (2529). วัฒนธรรมทางการเมืองและการกล่อมเกลาเรียนรู้ทางการเมือง.กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ลิขิต ธีรเวคิน. (2547). ความสำเร็จของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย. หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน, 23 กันยายน.
วัฒนา เซ่งไพเราะ. (2555). ความตื่นตัวทางการเมืองของเยาวชนในสถาบันอุดมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครกับการพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองประชาธิปไตย ช่วงปี 2549-2554 (วิทยานิพนธ์). มหาวิทยาลัยเกริก.
สมบัติ ธำรงธัญวงศ์. (2549). นโยบายสาธารณะแนวความคิดการวิเคราะห์และกระบวนการ. พิมพ์ครั้งที่ 14. กรุงเทพมหานคร: เสมาธรรม.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. (2566). ข้อมูลสถิติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง.
สุจิต บุญบงการ. (2542). การพัฒนาทางการเมืองของไทย : ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทหารสถาบันทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน. พิมพ์ครังที่ 4. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
แสงทอง, ศิริสุดา. (2564). ความตระหนักทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ : ท่าทีประชาธิปไตยใหม่สำหรับอนาคต. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 8(2), 286–297.
Dahl, R. A. (1989). Democracy and its Critics. Yale University Press.
Lester W. Milbrath. (1965). Political Participation : How and Why Do People Get Involved in Politics. Chicago : Rand McNally.
Putnam, R. D. (1993). Making Democracy Work: Civic Traditions in Modern Italy. Princeton University Press.
Somchai, P. (2010). Political Participation in Rural Thailand: A Case Study of Village Leaders. Journal of Southeast Asian Studies, 41(3), 425-443.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบริหารปกครอง มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




