ความแตกต่างระหว่างพฤติกรรมการเลือกตั้งระดับชาติ กับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น กรณี การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 22 ธันวาคม 2567
DOI:
https://doi.org/10.14456/gjl.2025.31คำสำคัญ:
การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น, การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี, จังหวัดอุบลราชธานีบทคัดย่อ
การเลือกตั้งระดับชาติกับระดับท้องถิ่นในจังหวัดอุบลราชธานีกรณีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญทางการเมือง อย่างน้อย 3 ประเด็น คือ (1) อิทธิพลหรือตัวแปรด้านพรรคการเมืองที่เอื้อสนับสนุนหรือเป็นอุปสรรคต่อผู้สมัคร แม้ว่า คู่แข่งที่มีโอกาสชนะการเลือกตั้งทั้งคู่จะมีความเชื่อมโยงและได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองทั้งแบบเปิดเผยหรือไม่เปิดเผย แต่ผลการวิจัยยืนยันว่า กระแสพรรคส่งอิทธิพลต่อการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นน้อยกว่าการเลือกตั้งระดับชาติ คะแนนของพรรคในการเลือกตั้งระดับชาติ ไม่ใช่คะแนนในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของผู้สมัครที่สังกัดพรรคนั้นโดยอัตโนมัติ เนื่องจากประชาชนจะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย อาทิ คุณสมบัติส่วนบุคคล การลงพื้นที่ อรรถประโยชน์ที่ประชาชนจะสามารถคาดหวังได้จากผู้สมัคร เป็นต้น ขณะที่นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล ถึงแม้ว่าพรรคหลักที่ให้สนับสนุน คือ พรรคไทรวมพลัง จะมีคะแนนเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ คิดเป็นร้อยละ 1 ของผู้มาใช้สิทธิทั้งจังหวัด และพรรคภูมิใจไทย มีคะแนนเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ คิดเป็นร้อยละ 3 ของผู้มาใช้สิทธิทั้งจังหวัด รวมทั้งหมดร้อยละ 4 ของผู้มาใช้สิทธิทั้งจังหวัด แต่ผลคะแนนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี แม้จะลงสมัยแรก กลับได้คะแนนสูง คิดเป็นร้อยละ 37.87 หลักฐานเชิงประจักษ์เหล่านี้ยืนยันตามสมมติฐานการวิจัยที่ค้นพบว่า พฤติกรรมการเลือกตั้งระดับชาติ กับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมีความแตกต่างกันอย่างนัยยะสำคัญ ประชาชนอาจจะนิยมเลือกพรรคการเมืองนั้นในระดับชาติ แต่ไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองนั้นในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นโดยอัตโนมัติ (2) ความแตกต่างด้านขนาดของพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง แม้ว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จะเป็นการเลือกตั้งระดับชาติที่ดูเสมือนมีความสำคัญต่อนัยยะทางการเมืองระดับประเทศมากกว่า แต่พื้นที่ความรับผิดชอบ พื้นที่การประชาสัมพันธ์หาเสียงเมื่อแยกผู้สมัครเป็นรายคน จะพบว่าผู้สมัครแต่ละคนมีพื้นที่หาเสียงน้อยกว่าผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งต้องลงพื้นที่หาเสียงทั้ง 25 อำเภอ ทำให้ผู้สมัครหน้าใหม่เสียเปรียบ ในขณะที่ผู้สมัคร สส. ส่วนใหญ่รับผิดชอบพื้นที่ประมาณ 2-3 อำเภอเท่านั้น (3) ปัจจัยส่วนบุคคล คุณสมบัติส่วนบุคคล มีความสำคัญกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมากกว่าการเลือกตั้งระดับชาติ การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น คะแนนความนิยมจากคุณสมบัติส่วนบุคคลอยู่เหนือกระแสของพรรค ข้อเสนอแนะจากการศึกษาวิจัย เสนอให้แก้ไขพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ที่เหมาะสมและ สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยและบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้วิจัยเสนอให้แก้ไขใน 3 มาตราสำคัญ คือ มาตรา 61 มาตรา 64 และมาตรา 65 โดยมุ่งแก้ไขปัญหาผู้บริหารท้องถิ่นลาออกก่อนหมดวาระเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากทั้ง 3 มาตราดังกล่าว
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กานต์ กัลป์ตินันท์. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี (ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี หมายเลข 1) พรรคเพื่อไทย (อุบลราชธานี). สัมภาษณ์, 30 พฤศจิกายน 2567.
จิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล. ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี หมายเลข 3 ผู้สมัครอิสระ. สัมภาษณ์, 18 กุมภาพันธ์ 2568.
ประเทือง ม่วงอ่อน. (2568). รายงานการวิจัย ฉากทัศน์ทางการเมืองในการเลือกตั้งระดับชาติสู่การเลือกตั้งท้องถิ่นระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) : การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 22 ธันวาคม 2567 และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี (ส.อบจ.) วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568. อุบลราชธานี : คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. (2566). ผลการเลือกตั้ง สส. ทั่วไป 14 พฤษภาคม 2566 รายจังหวัดอุบลราชธานี. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568, จาก https://ectreport66.ect.go.th/overview
สิทธิพล เลาหะวนิช. ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี หมายเลข 2 พรรคประชาชน. สัมภาษณ์, 8 กุมภาพันธ์ 2568.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบริหารปกครอง มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.




