การพัฒนาจุดหมายปลายทางแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อศึกษาการพัฒนาจุดหมายปลายทางแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวและเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์จึงมีสามวัตถุประสงค์ย่อยได้แก่ 1) เพื่อศึกษาแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณในการเดินทางมาแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ 2) เพื่อศึกษาทัศนคติของนักท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณที่มีต่อองค์ประกอบการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ การศึกษาครั้งนี้ได้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพและใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยมีกลุ่มตัวอย่างนักท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณเป็นจำนวน 29 คน ที่สัมภาษณ์ ทั้งนี้ผู้วิจัยได้มีการใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบโดยบังเอิญ (Accidental Sampling) และใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา โดยผลการศึกษาพบว่า วัตถุประสงค์แรก แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณในการเดินทางมาแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ สามารถแบ่งออกเป็น 6 แรงจูงใจ ได้แก่ แรงจูงใจในการหลบหนีจากชีวิตประจำวัน บรรเทาความเจ็บป่วยทางร่างกายของตนเอง ต้องการพัฒนาตนเองหรือเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น การเผชิญกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ต้องการสะสมบุญ ส่วนวัตถุประสงค์ที่สอง เพื่อศึกษาทัศนคติของนักท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณที่มีต่อองค์ประกอบการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณโดยแบ่งออกเป็น 4 ประเด็น ได้แก่ 1) สิ่งดึงดูดใจทางด้านสภาพแวดล้อมที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญ ได้แก่ ความเงียบสงบ ความเป็นธรรมชาติ การมีความเป็นส่วนตัว การมีพลังของสถานที่ อาหารกินดีอร่อย การมีสถานที่ทำกิจกรรม การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ผู้ให้บริการและผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความจริงจังและการที่สถานที่นั้นให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านของตน นอกจากนี้สิ่งดึงดูดใจในเรื่องการนำเสนอการให้บริการ หากเข้าร่วมกิจกรรมในสถานที่รูปแบบวัดนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับการสามารถจัดคอร์สได้ด้วยตนเอง ขณะที่หากเข้าร่วมกิจกรรมในสถานที่รูปแบบรีสอร์ท นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับคอร์สที่มีการออกแบบกิจกรรมเชิงจิตวิญญาณที่มีความหลากหลาย 2) สิ่งอำนวยความสะดวก ในเรื่องอาหาร นักท่องเที่ยวมีการให้ความสำคัญกับอาหารเชิงสุขภาพ ส่วนในเรื่องที่พัก หากนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมเชิงจิตวิญญาณในเชิงปฏิบัติธรรมซึ่งไม่ได้มีการเสียค่าใช้จ่าย จะไม่มีการคาดหวังเรื่องที่พักต้องหรูหรา แต่หากเข้าร่วมกิจกรรมเชิงจิตวิญญาณอื่น ๆ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายจะมีการคาดหวัง 3) เส้นทางการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับการสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก มีสภาพถนนไม่อันตรายและมีป้ายบอกทาง 4) การบริหารจัดการ โดยอาศัยความร่วมมือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นักท่องเที่ยวต่างมีมุมมองว่าการจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณในประเทศไทยให้มีศักยภาพจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐเป็นสำคัญในการส่งเสริมและคอยให้การช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามจากวัตถุประสงค์ที่ 1 และ 2 ที่ได้ นำไปสู่วัตถุประสงค์ที่ 3 ในการนำเสนอแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณดังนี้
1) ในเรื่องการสร้างสิ่งดึงดูดใจ เนื่องจากการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ คือ การท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการแก้ไขหรือปรับปรุงการดำเนินชีวิตประจำวันของนักท่องเที่ยวที่เห็นว่าเป็นปัญหา โดยการพยายามช่วยนักท่องเที่ยว ด้วยการรักษาทางจิตวิทยา ให้นักท่องเที่ยวได้วิเคราะห์ตนเอง ผ่านการทำสมาธิ ฉะนั้นหากหน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชน ต้องการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในเรื่องของสภาพแวดล้อมในการจูงใจนักท่องเที่ยว จึงควรให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการให้นักท่องเที่ยวสามารถสร้างสมาธิ ได้มีจิตใจที่สงบและอยู่กับตนเอง โดยคุณลักษณะของสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การทำกิจกรรมดังกล่าว เช่น การมีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
2) ในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับเรื่องอาหาร เนื่องจากนักท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ให้ความใส่ใจกับสุขภาพเป็นสำคัญ ดังนั้นในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวหน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชน จึงควรให้ความสำคัญกับอาหารประเภท มังสวิรัติ อาหารเจ ส่วนเรื่องที่พัก ในกรณีของกิจกรรมเชิงจิตวิญญาณในเชิงของการปฏิบัติธรรม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มา มุ่งหวังในการทำสมาธิรวมถึงบางส่วนเน้นในเรื่องการสะสมบุญ ซึ่งนับเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้คาดหวังในเรื่องความหรูหราของที่พัก ฉะนั้นในการพัฒนาจึงควรให้ความสำคัญกับการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานเพียงเท่านั้น เช่น ชุดเครื่องนอน
3) ในเรื่องเส้นทางการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ หน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชน ควรให้ความสำคัญในเรื่อง การเข้าถึงได้ง่าย การเดินทางได้สะดวก สภาพถนนที่ไม่อันตราย รวมถึงการมีป้ายบอกทาง
4) ในเรื่องการบริหารจัดการ โดยอาศัยความร่วมมือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กล่าวได้ว่าในการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวใด ๆ ก็ตามจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ในการช่วยผลักดัน รวมถึงให้เกิดการรับรู้ ซึ่งอย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณในจังหวัดเชียงใหม่ หลายรีสอร์ท นับว่ามีบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำกิจกรรมเชิงจิตวิญญาณ แต่อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวยังคงรับรู้หรือติดภาพลักษณ์เพียงว่า หากประสงค์ทำกิจกรรมในเชิงปฏิบัติธรรมต้องไปในวัดเท่านั้น ฉะนั้นแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณในอนาคต หากภาครัฐช่วยส่งเสริม โดยเฉพาะการช่วยประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวภายในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ จะช่วยให้นักท่องเที่ยวที่กำลังมองหากิจกรรมเชิงจิตวิญญาณเกิดการรับรู้ที่มากขึ้นและช่วยให้ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณมากขึ้น
Article Details
นโยบายการพิจารณากลั่นกรองบทความ
- บทความวิจัยและบทความวิชาการทุกเรื่องที่จะได้รับการตีพิมพ์ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ในสาขาที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 ท่าน/บทความ
- บทความ ข้อความ ภาพประกอบและตารางประกอบที่ลงตีพิมพ์ในวารสารเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว
- บทความที่จะได้รับการตีพิมพ์จะต้องไม่เคยตีพิมพ์ เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาของวารสารฉบับอื่น หากตรวจสอบพบว่ามีการตีพิมพ์ซ้ำซ้อน ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว
- บทความใดที่ผู้อ่านเห็นว่าได้มีการลอกเลียนหรือแอบอ้างโดยปราศจากการอ้างอิง หรือทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผลงานของผู้เขียน กรุณาแจ้งให้กองบรรณาธิการวารสารทราบจะเป็นพระคุณยิ่ง
References
A casestudy on experience of Foreign Tourists visiting Rishikesh, India.
2. Akis, S., Peristianis, N., & Warner, J. (1996). Residents' attitudes to tourism development: the case of Cyprus. Tourism Management, 7(17), 481 - 494.
3. Andrianto, T., & Sugiama, G. (2016). The Analysis of Potential 4A's Tourism Component in the Selasari Rural Tourism, Pangandaran, West Java. Paper presented at the Asia Tourism Forum 2016-the 12th Biennial Conference of Hospitality and Tourism Industry in Asia.
4. Ballantyne, R., Packer, J., & Falk, J. (2011). Visitors’ learning for environmental sustainability: Testing short-and long-term impacts of wildlife tourism experiences using structural equation modelling. Tourism Management, 32(6), 1243 - 1252.
5. Bhrigu Kumar Nath, D. D. B. (2017). Problems and Prospects of Spiritual Tourism Development in and around Greater Guwahati. International Journal of Interdisciplinary Research in Science Society and Culture(IJIRSSC), 3(1), (June Issue), 2017(ISSN: (P) 2395 - 4345, (O) 2455 - 2909).
6. Bone, K. (2011). Spiritual Retreat Tourism in Aotearoa/New Zealand. The University of Auckland.
7. Bone, K. (2013). Spiritual Retreat Tourism in New Zealand. Tourism Recreation Research, 38(3), 295-309. doi:10.1080/02508281.2013.11081755
8. Børø, N. (2015). Encountering spiritual tourism in Kathmandu. The University of Bergen.
9. Brodie, R. J., Ilic, A., Juric, B., & Hollebeek, L. (2013). Consumer engagement in a virtual brand community: An exploratory analysis. Journal of business research, 66(1), 105 - 114.
10. Cheer, J. M., Belhassen, Y., & Kujawa, J. (2017). The search for spirituality in tourism: Toward a conceptual framework for spiritual tourism. Tourism Management Perspectives, 24, 252 - 256.
11. Chinthaka, H., & Senarathna, S. (2012). The Opportunities for Development of Spiritual Tourism in Sri Lanka.
12. Chuennapha, N. (2016). Wellness Tourism on Spiritual Retreat: Motivation that Influencing Tourist Satisfaction and Intention to Revisit Case Study Chiang Mai Province. National Institute of Development Administration.
13. Cornelia, V., Graham, B., & Gary, H. (2011). Wellness tourists: in search of transformation. Tourism Review, 66(1/2), 16-30. doi:10.1108/16605371111127206
14. Fedorova, A. (2016). New Product Development in Spiritual Tourism. Case Study: Omalaya Travel Ltd. . (Degree Programme in International Business), Savonia University of Applied Sciences.
15. Gilbert, P. (2010). Seeking inspiration: the rediscovery of the spiritual dimension in health and social care in England. Mental Health, Religion & Culture, 13(6), 533 - 546. doi:10.1080/13674676.2010.488422
16. Kelly, C. (2012). Wellness Tourism: Retreat Visitor Motivations and Experiences. Tourism Recreation Research, 37(3), 205-213. doi:10.1080/02508281.2012.11081709
17. Kim, E., Chiang, L., & Tang, L. (2017). Investigating wellness tourists’ motivation, engagement, and loyalty: in search of the missing link. Journal of Travel & Tourism Marketing,
34(7), 867-879. doi:10.1080/10548408.2016.1261756
18. Lehto, X. Y., Brown, S., Chen, Y., & Morrison, A. M. (2006). Yoga tourism as a niche within the wellness tourism market. Tourism Recreation Research, 31(1), 25 - 35.
19. Lengyel, A. (2016). Tourism, meditation, sustainability. APSTRACT: Applied Studies in Agribusiness and Commerce, 10(1), 81-91.
20. Li, M., & Cai, L. A. (2012). The effects of personal values on travel motivation and behavioral intention. Journal of Travel Research, 51(4), 473 - 487.
21. Norman, A. (2012). The varieties of the spiritual tourist experience. Literature & Aesthetics, 22(1), 1 - 18.
22. Satpathy, B., & Mahalik, D. (2010). A study on spiritual tourist site selection under multi-criteria. South Asian Journal of Tourism and Heritage, 3(1), 107 - 117.
23. Schedneck, B. (2016). Thai Meditation Lineages Abroad: Creating Networks of Exchange. Contemporary Buddhism, 17(2), 427 - 438.
24. Snyder, S. (2007). New streams of religion: fly fishing as a lived, religion of nature.
Journal of the American Academy of Religion, 75(4), 896 - 922.
25. Somasundram, P. (2011). S27-02 Using Spiritual Relaxation Techniques in Minor Mental Health Disorders. Asian Journal of Psychiatry, 4, S25.
26. Supannee, C. (2009). Qualitative research, concepts, methods and applications.
Printing Department, Minburi Technical College.
27. Voigt, C. (2010). Understanding wellness tourism: An analysis of benefits sought, health-promoting behaviours and positive psychological well-being (Vol. 834). University of South Australia. School of Management: University of South Australia, 2010.
28. Voigt, C., Howat, G., & Brown, G. (2010). Hedonic and Eudaimonic Experiences among Wellness Tourists: An exploratory enquiry. Annals of Leisure Research, 13(3), 541 - 562. doi:10.1080/11745398.2010.9686862